Radiesse filler คืออะไร ?
เรเดียส หรือ Radiesse คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) โปรแกรม Radiesse filler คือหนึ่งในนวัตกรรมความงามที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพและโครงสร้างแบบองค์รวม (Regenerative Biostimulator) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ (Filler) ทั่วไป แต่มีความแตกต่างกันที่องค์ประกอบหลักที่ใช้โดยการฉีดฟิลเลอร์มีองค์ประกอบหลักเป็นไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) มีส่วนช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ในขณะที่ Radiesse มีองค์ประกอบหลักคือ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ (Calcium Hydroxylapatite microsphere; CaHA) หรือที่หลายคนเรียกเพื่อให้เข้าใจง่ายว่า “คาห้า ไมโครเฟียร์” “ลักษณะเป็นทรงกลมมีขนาดอนุภาคเพียง 24-25 ไมครอน (mm) ซึ่งเป็นสารที่คิดค้นและวิจัยโดย Merz Aesthetics ได้รับความไว้วางใจในหลายประเทศทั่วโลกตั้งแต่ปี 2006 โดยทั่วไป CaHA เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายสร้างขึ้นเองเหมือนกับสารที่มีอยู่ในร่างกาย จึงมีส่วนช่วยในการกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) เซลล์สำคัญที่มีหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งโปรตีนโครงสร้างหลักของผิว เปรียบเสมือนโครงข่ายที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่นและอิ่มฟู เมื่อได้รับการกระตุ้น ผิวจึงค่อยๆ ฟื้นฟูตัวเองจากภายใน ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่เปล่งปลั่งแลดูอ่อนเยาว์
CaHA biostimulator คืออะไร
CaHA biostimulator ย่อมาจาก Calcium Hydroxyapatite biostimulator เป็นสารเติมเต็มผิวชนิดพิเศษที่มีประสิทธิภาพมากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปเพราะมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักของผิว
RADIESSE มีหลักการทำงานอย่างไร
เมื่อฉีด Radiesse ไปยังบริเวณผิวที่เป็นร่องลึก แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ (CaHA) จะทำหน้าที่เสมือนโครงสร้าง “Scaffold” เปรียบเสมือนโครงตาข่ายสามมิติ (3D matrix) คล้ายกับโครงสร้างตามธรรมชาติในชั้นผิวหนังแท้ที่เรียกว่า Extracellular Matrix (ECM) โครงสร้างนี้จะสร้างแรงดึงที่เหมาะสม กระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบาสต์ (Fibroblast) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตคอลลาเจนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อ CaHA เข้าไปยังบริเวณที่เป็นร่องลึกของผิวสามารถเติมเต็มให้ผิวดูแน่นและอิ่มฟูได้ในทันที อีกทั้งผลลัพธ์ในระยะยาวสามารถกระตุ้นการสร้าง 5 สารสำคัญสำหรับผิว ได้แก่
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: Radiesse ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I มากถึง 150% กระตุ้นคอลลาเจน Type III มากถึง 130% และกระตุ้นอีลานตินได้มากถึง 260% สารเหล่านี้เปรียบเสมือนโครงสร้างหลักของผิว ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้ผิวดูเนียนนุ่ม เต่งตึงและอ่อนเยาว์
- กระตุ้นการสร้าง Proteoglycan: Proteoglycan ทำหน้าที่เป็นสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและกรดไฮยาลูรอนิค ผลลัพธ์คือผิวดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น และเปล่งประกาย
- กระตุ้นการสร้าง Angiogenesis: กระบวนการสร้างหลอดเลือดฝอยใหม่ใต้ชั้นผิว ช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ส่งผลให้ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ ผิวดูมีสุขภาพดี
ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวหน้ากระชับ ผิวแน่น เต่งตึง อิ่มฟู ริ้วรอยดูจางลงและแลดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเห็นได้ชัด เผยผิวเปล่งประกายความมีชีวิตชีวาจากภายในสู่ภายนอก
Radiesse filler ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
สำหรับใครที่กำลังสนใจเติมเต็มร่องลึกบนส่วนต่าง อยากมีผิวหน้าอิ่มฟูสุขภาพดีแต่ยังสงสัยว่า Radiesse ฉีดตรงไหนได้บ้าง โดยทั่วไปดปรแกรม Radiesse สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง ดังนี้
- ร่องแก้ม:ช่วยเติมเต็มร่องแก้มที่ลึกให้ดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ หน้าเด็กลง
- ร่องน้ำหมาก: ช่วยลดเลือนร่องน้ำหมากที่ลึกให้ดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอวบอิ่มขึ้น
- ขมับ: ช่วยเติมเต็มขมับให้ดูอิ่มขึ้น ทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น
- หลังมือ: ฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้หลังมือ กลับมาเนียนเรียบเต่งตึง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นเอ็นและเส้นเลือดที่เห็นชัดอีกต่อไป
- เนินอก: แก้ไขปัญหารอยย่นบริเวณเนินอก เผยเนินอกที่เรียบเนียนไร้รอยเหี่ยวย่น
- กรอบหน้า: เสริมกรอบหน้าให้ชัดเจน คมชัด ยกกระชับใบหน้า ให้ดูอ่อนเยาว์ลง
- รอยมุมปาก: ช่วยลดเลือนรอยยิ้มที่มุมปาก ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
Radiesse filler เหมาะกับใคร ?
โปรแกรม Radiesse filler สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลายหลาย เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาผิว ดังต่อไปนี้
- ผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น ขาดความชุ่มชื้น: โปรแกรม Radiesse ช่วยเติมเต็มความหย่อนคล้อย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน คืนความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
- ผิวแห้งกร้าน ไร้ชีวิตชีวา มีรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน: โปรแกรม Radiesse ช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ เผยผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพดี
- ริ้วรอย ร่องแก้มลึก แก้มย้อย ผิวหนังไม่กระชับ: โปรแกรม Radiesse เติมเต็มร่องลึกต่างๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นรอบปากยกกระชับใบหน้า ให้ดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์
- ผิวแก่ก่อนวัย ผิวไม่กระชับ: โปรแกรม Radiesse กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ชะลอวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้า
RADIESSE แตกต่างจาก Biostimulator อื่นๆ เช่น Gouri , Ultracol , Lenisna, Aesthefill, Juvelook,Sculptra อย่างไร
หากกล่าวถึง radiesse โดดเด่นกว่า Biostimulator ทั่วไปอย่างไรนั้น ด้วยคุณสมบัติพิเศษทำให้ต่างจากตัวอื่นคือ radiesse ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA และมีประวัติการใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกา ยาวนานกว่า Biostimulator อื่นๆ ที่มักมีต้นกำเนิดจากเกาหลี ด้วยส่วนผสมของ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) สูงถึง 30% radiesse กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่า Biostimulator ทั่วไป เช่น Gouri, Ultracol, Lenisna, Aesthefil และ Juvelook ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18 เดือนขึ้นไปเทียบเท่า Sculptra ซึ่งผ่านการรับรองจากงานวิจัย
Gouri
Gouri มีสารประกอบหลักคือ PCL (Polycaprolactone) ในรูปแบบของเหลว (Fully Liquid) ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ Fibroblast ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินมากขึ้น ส่งผลให้ผิวกลับมาดูอิ่มน้ำ รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยจางลง ผิวมีความแน่นฟู กระชับและเรียบเนียน เห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 1-2 สัปดาห์และผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
Ultracol
Ultracol หรือไหมน้ำ เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี ไหม PDO หรือ Polydioxanone microsphere และ สารไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) ในรูปแบบของเหลว (Liquid PDO) ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ เต่งตึง รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยดูจางลง เห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type1และ Type3 ได้นานถึง 6-8 เดือน
Lenisna
Lenisna คือ โปรแกรมกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวชนิดไฮบริด (Hybrid biostimulator) ประกอบด้วยสาร PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid) และ สารไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เปล่งประกาย อาจต้องรอประมาณ 1-2 เดือนจึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี
Aesthefill
AestheFill คือ โปรแกรมฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิด PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid) พัฒนาขึ้นจากประเทศเกาหลีได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FDA เกาหลี ไทย ยุโรป จีนและอเมริกา มีคุณสมบัติฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เติมเต็ม ยกกระชับและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน อ่อนเยาว์ เห็นผลลัพธ์ใน 1-2 สัปดาห์ คงผลลัพธ์ได้นาน 2 ปี
Juvelook
Juvelook (จูวีลุค) คือ คอลลาเจนบูสเตอร์ชนิดไฮบริดผสมผสานระหว่าง กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ประเภท Noncrosslinked (Hyaluronic Acid) และ Poly D, L Lactide ช่วยยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เห็นผลได้ทันทีหลังทำประมาณ 2-6 สัปดาห์ คงผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี
Sculptra
Sculptra ประกอบด้วย PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน Type 1 ขึ้นตามกระบวนการธรรมชาติได้ถึง 66.5% ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู ช่วยยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย เห็นผลลัพธ์ภายใน 1-3 เดือนหลังการทำ Sculptra ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 2 ปี
RADIESSE แตกต่างจาก Filler กลุ่มเดิมในไทยอย่างไร
- โมเลกุลของสาร: ฟิลเลอร์ทั่วไปมีส่วนผสมหลักเป็นไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) ทำงานโดยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยชั่วคราวเสื่อมสภาพลงเมื่อระยะเวลาผ่านไปช่วงนึง ส่วน RADIESSE มีสารออกฤทธิ์หลักคือ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ทำให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่า
- ประสิทธิภาพของผลลัพธ์: RADIESSE ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าฟิลเลอร์ HA ทั่วไป RADIESSE ไม่เพียงแต่เติมเต็มร่องลึก แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และยืดหยุ่นขึ้น
- ระยะเวลาของผลลัพธ์: ฟิลเลอร์ HA ทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ในขณะที่ RADIESSE อยู่ได้นาน 1 ปีขึ้นไป
- เนื้อสัมผัส: RADIESSE มีเนื้อสัมผัสที่หนืดแน่น เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกและปรับรูปหน้า ส่วน HA มีเนื้อสัมผัสหลายแบบขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด
การดูแลหลังฉีด Radiesse
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส: หลีกเลี่ยงการสัมผัส ถู หรือแกะบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- งดแต่งหน้า: งดแต่งหน้าบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 12 ชั่วโมง หรือจนกว่ารอยเข็มจะหายดี
- งดการทําหัตถการที่มีความร้อนสูง: งดซาวน่า แช่น้ำร้อน หรืออาบน้ำอุ่นจัด เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 15-20 นาที 4-8 ครั้งต่อวัน ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวมและรอยแดง
- นวดบริเวณที่เป็นก้อน: หากรู้สึกว่ามีก้อนใต้ผิวหนัง สามารถกดนวดในบริเวณที่เป็นก้อนเบาๆ เพื่อลดอาการได้
- ทายาหรือรับประทานยา: หากมีรอยช้ำ ซึ่งพบได้เป็นปกติ แนะนําทายาหรือรับประทานยาที่ช่วยลดอาการช้ำ
- สังเกตอาการผิดปกติ: หากพบความผิดปกติอื่น ๆ เช่น อาการบวมแดงไม่ดีขึ้น มีหนอง หรือปวดมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- แจ้งแพทย์: หากมีการตรวจรักษาร่างกายอื่น ๆ ในบริเวณที่ฉีด Radiesse ให้แจ้งแพทย์ที่ทําการรักษา
ขั้นตอนการฉีด
- แพทย์จะเริ่มด้วยการประเมินสภาพผิวหน้า ริ้วรอย ความต้องการและปัญหาผิว อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอน ผลลัพธ์ ผลข้างเคียงและค่าใช้จ่ายของการฉีด Radiesse อย่างละเอียด รวมถึงตอบคำถามและข้อสงสัยเพื่อให้เข้าใจและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
- แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่ฉีดด้วยยาฆ่าเชื้อ
- ทายาชาบริเวณที่ฉีดหรือใช้ยาชาแบบฉีด ขึ้นอยู่กับความทนทานต่อความเจ็บของคนไข้
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะฉีด Radiesse ลงใต้ชั้นผิวหนัง อย่างช้าๆ ค่อยๆ เพื่อให้กระจายตัวได้ทั่วถึง
- นวดบริเวณที่ฉีดเบาๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์กระจายตัว
การเตรียมตัวก่อนฉีด RADIESSE
- นัดหมายปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือแพทย์ผู้ชำนาญการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อประเมินสภาพผิว ริ้วรอย ความต้องการ และปัญหาผิว
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ทาน ประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว การผ่าตัด หรือประวัติการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ บนใบหน้า
- แจ้งแพทย์หากกำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือวางแผนตั้งครรภ์
- สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอน ผลลัพธ์ ผลข้างเคียง การดูแลหลังฉีด และค่าใช้จ่าย
- งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือทานยาบางชนิด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี น้ำมันปลา สมุนไพร หรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีด
- งดการทาครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Retinol Vitamin A Vitamin C AHA หรือ BHA เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
- งดการทำหัตถการบนใบหน้า เช่น เลเซอร์ ผลัดเซลล์ผิว หรือการนวดหน้า เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีด
ข้อดี Radiesse
- ผลลัพธ์ที่ยาวนาน: RADIESSE อยู่ได้นาน 1 ปีขึ้นไป ซึ่งยาวนานกว่าฟิลเลอร์ HA ทั่วไป
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: RADIESSE ไม่เพียงแต่เติมเต็มร่องลึก แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และยืดหยุ่นขึ้น
- ปรับปรุงคุณภาพผิว: RADIESSE ช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสตินและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น
- ปลอดภัย: RADIESSE ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว: ผลลัพธ์ของ RADIESSE สามารถเห็นได้ทันทีหลังการฉีด
ข้อควรระวัง Radiesse
- แจ้งแพทย์หากมีการติดเชื้อ สิว หรือแผลบริเวณที่ต้องการฉีด
- ปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมหากต้องการฉีดบริเวณรอบดวงตาหรือริมฝีปาก
- หากต้องเข้ารับการเอกซเรย์หรือ CT Scan หลังการฉีดควรแจ้งแพทย์ให้ทราบ
- แจ้งแพทย์หากมีประวัติโรคเริม เป็นแผลคีลอยด์ กำลังทานยาละลายลิ่มเลือดหรือยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน
- แจ้งแพทย์หากมี โรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคเลือด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
- แจ้งแพทย์หากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- แจ้งแพทย์หากเคยแพ้ยา ฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มอื่นๆ
- แจ้งแพทย์หากคยมีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ มาก่อน
Radiesse filler ราคาเท่าไหร่ ?
หลายคนที่กำลังสนใจและสงสัยเกี่ยวกับโปรแกรม Radiesse ราคาเท่าไหร่ก่อนตัดสินใจทำนั้น โดยทั่วไป Radiesse 1 หลอด (1.5 cc) ราคามาตรฐานจะอยู่ที่ราคาประมาณ 36,000 บาท อย่างไรก็ตามราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก โปรโมชั่นและแพ็กเกจที่เสนอ ทั้งนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินปริมาณ Radiesse filler ที่เหมาะสมกับความต้องการและลักษณะปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ดังนั้นราคาที่แน่นอนแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อราคา เช่น
- ตำแหน่งที่ฉีด: บริเวณที่ต้องการการแก้ไขใช้ฟิลเลอร์มากน้อยแตกต่างกัน
- ประสบการณ์ของแพทย์: แพทย์ที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์สูง มักจะมีค่าบริการที่สูงกว่า
- เทคโนโลยีที่ใช้: บางคลินิกอาจมีเทคโนโลยีการฉีดที่ทันสมัย ซึ่งอาจส่งผลต่อราคา
Radiesse filler มีกี่รุ่น ?
Radiesse filler แบ่งเป็น 2 รุ่นหลักๆ ทั้ง 2 รุ่น มีส่วนประกอบหลักเหมือนกันคือ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ได้แก่
- Radiesse Filler: รุ่นนี้ไม่มีส่วนผสมของยาชา เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
- Radiesse Plus: รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชา ช่วยลดความเจ็บขณะฉีดเหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความเจ็บ
Radiesse filler 1 กล่อง มีปริมาณกี่ CC ?
Radiesse filler 1 กล่อง มาตรฐานจะมีปริมาณ 1.5 CC บรรจุอยู่ในหลอดพร้อมฉีด (Pre-filled syringe) เก็บรักษาได้ 2 ปี ที่อุณหภูมิ 15-25°C โดยไม่ต้องแช่เย็น 1 กล่องมี 1 ไซริงค์ บรรจุ 1.5 CC ภายใน 1 ไซริงค์ประกอบด้วย
- แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ไมโครสเฟียร์ (CaHA) 30% เป็นทรงกลม ขนาด 25-45 ไมครอน
- เจลคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส (CMC) 70%
อย่างไรก็ตามปริมาณตัวยาที่ใช้จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะปัญหาผิวของแต่ละบุคคล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินปริมาณตัวยาที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้ บริเวณที่ฉีด ความลึกของริ้วรอย ความต้องการของคนไข้ เป็นต้น ทั้งนี้คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมและทราบข้อมูลเกี่ยวกับราคา ผลลัพธ์และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
วิธีเช็คฟิลเลอร์ RADIESSE แท้ 100%
การฉีด Radiesse filler เป็นที่นิยมสำหรับการเติมเต็มร่องลึก เสริมโหนกแก้ม ปรับรูปหน้า อย่างไรก็ตามด้วยความนิยมและราคาที่ค่อนข้างสูงจึงมีความเสี่ยงที่อาจจะได้ Radiesse filler ของปลอม เพื่อความปลอดภัยก่อนตัดสินใจฉีด Radiesse ควรศึกษาข้อมูลและตรวจสอบความแท้ของฟิลเลอร์ ดังนี้
- ตรวจสอบว่ามีเลข Lot บนกล่อง สติกเกอร์และหลอด ที่ตรงกัน
- บนกล่องและหลอดฟิลเลอร์จะต้องมีเลข Lot เลขทะเบียน อย. และวันหมดอายุ ระบุไว้อย่างชัดเจน
- กล่องฟิลเลอร์ RADIESSE แท้จะมี QR Code ติดไว้สามารถใช้สมาร์ทโฟน สแกน QR Code เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือไม่
- บริษัทนำเข้าฟิลเลอร์ RADIESSE ในประเทศไทย คือ บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ จำกัด เบอร์โทรศัพท์: 02 026 1111
- มีใบรับประกัน Skin Rejuvenetion Card หรือ Radiesse Club Card
ฉีดฟิลเลอร์ Radiesse ที่ไหนดี ?
ฉีดฟิลเลอร์ Radiesse ที่ไหนดี ?
การเลือกสถานที่ฉีดฟิลเลอร์ Radiesse เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรตัดสินใจและพิจารณาอย่างรอบด้านเพื่อความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่ดีและราคาคุ้มค่าอาจต้องพิจารณาเลือกคลินิกด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: เลือกแพทย์ที่ผ่านการอบรม Certified Injector การฉีด Radiesse โดยเฉพาะ แพทย์ควรมีความเข้าใจในปัญหาผิวหน้าและการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล สามารถปรึกษากับแพทย์อย่างละเอียดเกี่ยวกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข เป้าหมายและความคาดหวัง
- ความมั่นใจในผลิตภัณฑ์: เลือกฉีด Radiesse ของแท้ มีมาตรฐานอย. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพทย์แกะกล่องยาต่อหน้าคุณก่อนฉีด
- ประสบการณ์และความหลากหลาย: เลือกคลินิกที่มีประสบการณ์ในการฉีด Radiesse ควรมีการรักษาด้วยเครื่องมือและเทคนิคที่หลากหลาย เช่น Ulthera, Thermage Sculptra, Filler และBotox ทีมแพทย์จะได้สามารถเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด
- การติดตามผลและข้อมูล: เลือกคลินิกที่มีบริการติดตามผลหลังฉีด แพทย์ควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นแนะนำข้อปฏิบัติทั้งก่อนและหลังฉีดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสาร Radiesse
- มีริวิวจากประสบการณ์ผู้ใช้จริง: ควรเลือกคลินิกที่มีการใช้โปรแกรม Radiesse รีวิวจากผู้ที่เคยใช้งานจริง และควรดูรีวิวให้ครบทุกด้านทั้งในเชิงบวกและเชิงลบเพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจ
ทำไมต้องฉีด RADIESSE ที่ วิชัญญาคลินิก
- ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีด Radiesse: ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีด Radiesse ที่เข้าใจปัญหาผิวหน้าและโครงสร้างใบหน้าอย่างลึกซึ้ง ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการหัตถการ เทคนิคการฉีดที่แม่นยำและการให้คำปรึกษาที่ตรงจุด มอบผลลัพธ์ที่ปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ดีและตรงกับความต้องการของคนไข้
- ผ่านการอบรม Certified Injector: ทีมแพทย์ของวิชัญญาคลินิกผ่านการอบรม Certified Injector การฉีด Radiesse โดยเฉพาะมีประสบการณ์สูง เข้าใจกลไกการทำงานของ Radiesse วิเคราะห์ปัญหาผิวหน้าและโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ได้อย่างละเอียด ออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลเน้นความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- ทีมแพทย์มากประสบการณ์: วิชัญญาคลินิกมีประสบการณ์การใช้งาน Biostimulator มายาวนานกว่า 14 ปี โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง มีความรู้และเทคนิคการรักษาที่ทันสมัย สามารถออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาเฉพาะบุคคล มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ดีและเป็นมาตรฐานระดับนานาชาติ
- มีให้บริการหลายสาขา: วิชัญญาคลินิกเปิดให้บริการมากถึง 3 สาขาได้แก่ กรุงเทพ (วัชรพล), อยุธยาและกาญจนบุรี ใกล้สาขาไหนสามารถแวะไปใช้บริการได้เลย
รีวิว
คำถามที่พบบ่อย
RADIESSE สามารถใช้ในการรักษาหลุมสิวได้ไหม
Radiesse คือสารเติมเต็มประเภทหนึ่งที่ใช้เติมเต็มหลุมสิวและริ้วรอยบนใบหน้า Radiesse จะถูกฉีดใต้ชั้นผิวหนังบริเวณที่มีหลุมสิว สาร CaHA ใน Radiesse จะทำหน้าที่เติมเต็มหลุมสิวให้เรียบเนียนขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น หลุมสิวจึงดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม การใช้ Radiesse รักษาหลุมสิวจำเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษและควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์จะวิเคราะห์ประเภทของหลุมสิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งบางกรณีอาจต้องใช้ควบคู่กับการรักษาด้วยเลเซอร์หรือวิธีอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฉีดกี่ครั้งถึงจะได้ผล
การฉีด Radiesse เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้ฉีดซ้ำประมาณ 1-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างระหว่างการฉีดแต่ละครั้งอย่างน้อย 1 เดือน ทั้งนี้จำนวนครั้งที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น ปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข สภาพผิว ผลลัพธ์ที่ต้องการ เป็นต้น อย่างไรก็ตามแพทย์จะพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ประกอบกับการประเมินสภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไขและความต้องการของแต่ละบุคคลเพื่อวางแผนการฉีด Radiesse ที่เหมาะสมที่สุด
กี่วันเห็นผลลัพธ์ ?
หลังฉีด Radiesse จะเห็นผลลัพธ์เบื้องต้นทันที ผิวกระชับขึ้น มีความยืดหยุ่น ผิวแน่นฟู ร่องลึกต่างๆ ตื้นขึ้น ริ้วรอยจางลง และผลลัพธ์จะปรากฏชัดเจนภายใน 3-6 เดือนหลังฉีด เนื่องจาก Radiesse จะเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวยกกระชับ มีความยืดหยุ่นและใบหน้ามีวอลลุ่มมากขึ้น
อยู่ได้นานไหม ?
Radiesse โดยทั่วไปอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น บริเวณที่ฉีด ปริมาณที่ฉีด เทคนิคการฉีด การดูแลรักษาหลังฉีด เป็นต้น อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของ Radiesse อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แพทย์จะสามารถประเมินผลลัพธ์ที่คาดหวังได้อย่างถูกต้องและให้คำแนะนำในการดูแลรักษาหลังฉีด เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ของ Radiesse อยู่ได้นานที่สุด
อันตรายไหม
โปรแกรมการฉีด Radiesse มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US.FDA) และองค์การอาหารและยาของประเทศไทย มีงานวิจัยรองรับประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากกว่า 250 ฉบับอย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับการรักษาด้วยสารเติมเต็มชนิดอื่นๆ Radiesse อาจมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น รอยแดง บวม หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด อาการชา เป็นต้น ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะไม่รุนแรงและหายไปเองภายในไม่กี่วัน แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลรักษาหลังฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
บทสรุปส่งท้าย
โปรแกรม Radiesse เป็นตัวเลือกในการดูแลผิวที่น่าสนใจ ด้วยความโดดเด่นจากฟิลเลอร์ชนิดเดิมทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนานแล้วยังมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากผ่านการรับรองจากหลายองค์กรทั้งในและต่างประเทศ (U.S.FDA, EU FDA และ ThaiFDA) โปรแกรม Radiesse ช่วยฟื้นฟูผิวได้ลึกถึงโครงสร้าง เผยผิวอ่อนเยาว์ เปล่งประกายยาวนานถึง 2 ปี หากกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาผิวที่ได้ผลลัพธ์ดี ปลอดภัยและยาวนาน Radiesse อาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ