ยกกระชับผิวหย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ด้วยการร้อยไหม

การ ร้อยไหม (Thread Lift) อีกหนึ่งมิติของหัตถกรรมความงามที่ช่วยยกกระชับและฟื้นฟูสภาพผิว ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น อิ่มฟู ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียว ทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า แถมยังเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังทำทันทีโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถทำได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก คิ้ว หว่างคิ้ว แก้ม ปาก เหนียง คอ หน้าท้อง ลำตัว ต้นขาและสะโพก ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไม การ ร้อยไหม (Thread Lift) จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

ร้อยไหม คืออะไร

การร้อยไหม (Thread Lift) เป็นการใช้เข็ม นำเส้นไหมเล็กๆจำนวนมาก เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณเนื้อเยื่อชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) เมื่อเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อถูกเงี่ยงของเส้นไหมเกี่ยวขึ้นมาตามทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไปนั้น คล้ายการใช้ตะขอเกี่ยวกล้ามเนื้อขึ้นมา ก็ทำให้ผิวหน้าตึง กระชับขึ้นมาได้ทันที ไม่เพียงเท่านั้น การ ร้อยไหม ยังเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง คือ ทำให้เกิดเส้นใยอีลาสตินที่ช่วยประคองผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนให้กับผิวรอบๆเส้นไหม และการ ร้อยไหมยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดมาเลี้ยงผิวหนังในบริเวณดังกล่าวได้มากขึ้น ให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับที่น่าพึงพอใจ ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง ผิวแน่น ริ้วรอยดูตื้นขึ้น โดยเส้นไหมที่ร้อยเข้าไป จะอยู่ได้นานประมาณ 6 – 18 เดือน และจะละลายไปเองตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างใดๆในร่างกาย

นวัตกรรมเส้นไหม

ในหัตถการ ร้อยไหม มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาก เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวของทุกคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ผลลัพธ์ที่นำมาซึ่งความพึงพอใจ โดยปัจจุบัน ได้มีนวัตกรรมของเส้นไหมที่ใช้ในการ ร้อยไหม ซึ่งเป็นเส้นไหมที่มีการอัด หล่อขึ้นรูปเงี่ยง แบบ 360 องศา หรือที่เรียกกันว่า Molding Thread เรียกได้ว่าเป็นเส้นไหมที่ใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบันเลยก็ว่าได้ เป็นเส้นไหมเกรด พรีเมี่ยม (Premium Thread) ที่ทำจาก Growth Factor มีส่วนผสมของ PDO (Polydioxanone) ที่ทำให้เส้นไหมมีความยืดหยุ่น ไม่เปราะบาง ทั้งยังมีแรงยกกระชับมากขึ้นด้วย โดยตัวเงี่ยง จะมีลักษณะเป็นรูปทรงกรวย มีประสิทธิภาพช่วยกระตุ้นให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังผลิตคอลลาเจนมากขึ้น นอกจากนั้น ยังมีการเคลือบสารที่เรียกว่า PDRN (Polydeoxyribonucleotide) สารสกัด DNA จากสเปิร์มของปลาแซลมอน ที่ใช้ ร้อยไหม เพื่อช่วยรักษาหลุมสิว ช่วยให้ริ้วรอยจางลง และช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ กำจัดไขมันส่วนเกิน และด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เส้นไหมเงี่ยงชนิดนี้ ยังมีการเคลือบสารเพื่อลดอาการบวมหลัง ร้อยไหม (Thread Lift) อีกด้วย

ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

เรียกได้ว่าเป็นหัตถการความงาม ที่รู้จักกันมายาวนาน และยังได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่องในทุกวันนี้ สำหรับการ ร้อยไหม เพราะสามารถช่วยแก้ไขและฟื้นฟูปัญหาผิวได้หลากหลาย ดังนี้

  • ร้อยไหม หน้าเรียว
    เป็นการช่วยปรับรูปหน้าให้ยกกระชับ มีกรอบหน้าชัดมากขึ้น ใบหน้าเรียวได้รูป สมส่วน
  • ร้อยไหม ยกกระชับส่วนต่างๆบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม
    เพื่อแก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย มีรอยพับ ให้กลับมาเต่งตึง อิ่มฟู ดูสุขภาพดี
  • ร้อยไหม เสริมจมูก
    ช่วยให้จมูกมีสันโด่งสวยขึ้น ทั้งยังช่วยลดขนาดของปีกจมูกให้แคบลงด้วย
  • ร้อยไหม ลดริ้วรอย
    ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน อิ่มฟู และลดเลือนริ้วรอยได้ด้วย
  • ร้อยไหม ยกมุมปาก
    เป็นวิธีที่ช่วยยกกระชับส่วนที่เรียกว่ากระเปาะไขมัน บริเวณมุมปากให้กระชับ ทำให้ร่องน้ำหมากดูตื้นขึ้น
  • ร้อยไหม เหนียง
    เพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณเหนียง ให้เห็นกรอบหน้าชัดและมีมิติมากขึ้น
  • ร้อยไหม ยกหางตา
    เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก โดยการช่วยยกหางคิ้วและหางตาขึ้น

การร้อยไหมเหมาะกับใคร?

การ ร้อยไหม เป็นการยกกระชับและแก้ไขรูปหน้าที่ไม่ต้องผ่าตัด และใช้เวลาไม่นาน โดยเหมาะกับผู้ที่มีปัญหา ดังต่อไปนี้

  • การ ร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30-60 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ผิวเริ่มเสื่อมสภาพและขาดความยืดหยุ่น แต่เนื้อเยื่อของผิวจะต้องไม่เสียหาย ไม่มีการยุบตัวหรือหย่อนคล้อยมากจนเกินไป เพราะถ้าหากผิวหย่อนยานมากไป อาจจะต้องใช้หัตถการอื่นร่วมด้วย เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อก หรือHifu เป็นต้น
  • การ ร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่ผิวหย่อนคล้อยน้อยถึงปานกลาง ไม่ว่าจะเป็น แก้ม คาง กรอบหน้า หรือลำคอ ซึ่งนอกจากเงี่ยงไหม จะช่วยยกเนื้อเยื่อของผิวขึ้นแล้ว การ ร้อยไหม ยังช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยอีลาสตินและคอลลาเจนให้ผิวกระชับ เต่งตึงมากขึ้นอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น การร้อยไหม ยังเหมาะกับผู้ที่อยากแก้ไขปัญหาผิวหน้า แต่ไม่ต้องการผ่าตัด เพราะใช้เวลาไม่นาน เห็นผลลัพธ์ได้แบบทันใจ และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
  • การ ร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่ใบหน้ามีริ้วรอย ทั้งริ้วรอยตื้นๆหรือร่องลึก ทั้ง ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก เป็นต้น
  • การ ร้อยไหม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นเป็นรูปตัววี (V Shape) ให้หน้าได้รูปสมส่วน เสริมบุคลิกให้สวยโดดเด่นมากขึ้น
    การ ร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวในระดับโครงสร้างให้แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
  • การ ร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเหนียงใต้คางย้อย ไม่ได้รูป ช่วยเก็บส่วนกินใต้คางให้กระชับมากยิ่งขึ้น เก็บกรอบหน้าได้ดี

การร้อยไหมไม่ เหมาะกับใคร?

ถึงแม้ว่า การ ร้อยไหม จะมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้า แต่ก็มีข้อต้องห้ามสำหรับกลุ่มคนต่อไปนี้

  • การ ร้อยไหม ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี โรคเลือด  โรคภูมิคุ้มกัน รวมถึง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
  • การ ร้อยไหม  ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะอักเสบ เกิดการติดเชื้อที่บริเวณผิวหนังในจุดที่จะทำหัตถการ รวมถึงผู้ที่เคยเป็นแผลแบบคีลอยด์
  • การ ร้อยไหม  ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • การ ร้อยไหม  ไม่เหมาะกับผู้ที่แพทย์วินิจฉัยว่ามีอาการแพ้ส่วนประกอบของวัสดุเส้นไหมบางชนิด
  • การ ร้อยไหม  ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา แต่ถ้าหากผู้รับบริการไม่เคยฉีดยาชามาก่อน แนะนำให้แจ้งแพทย์ล่วงหน้า เพื่อจะได้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยา ขณะทำหัตถการ
  • การ ร้อยไหม  ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด(Bleeding Disorder) ในกรณีเช่นนี้ แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรแก่การร้อยไหมหรือไม่
  • การ ร้อยไหม   ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร

ข้อดีของการร้อยไหม

การ ร้อยไหม มีข้อดีมากมาย ดังต่อไปนี้

  • การ ร้อยไหม เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ ใบหน้ายกกระชับขึ้นในทันที ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • หลังจาก ร้อยไหม เสร็จในระยะ 2 เดือน ตัวเส้นไหมที่อยู่ในผิวหนัง จะกระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนมาเกาะที่เส้นไหมมากขึ้น จึงส่งผลให้ผิวกระชับและแน่นขึ้น
  • ตัวไหมที่ใช้ในการ ร้อยไหม จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ ทำให้เลือกไหลเวียนดีขึ้น หน้าตาสดใสมีเลือดฝาด ดูสุขภาพดี

ผลข้างเคียง จากการร้อยไหม

มีผลข้างเคียง และข้อควรระวังหลังเข้ารับบริการร้อยไหม  แบ่งได้เป็น

  • ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม ปกติที่อาจเกิดขึ้นได้
    • หลังการร้อยไหม มีอาการบวม หรือเขียวช้ำ แต่อาการต่างๆเหล่านี้ จะดีขึ้นและค่อยๆหายไปเอง ภายใน 7 – 14 วัน
    • อาจมีเลือกออกในบริเวณที่ทำหัตถการ แต่ไม่เป็นอันตราย หากอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ผลข้างเคียงที่อันตรายจากการ ร้อยไหม
    • เกิดรอยบุ๋มตามแนวที่ร้อยไหม
      ซึ่งเกิดจากการ ร้อยไหม  ด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องหรือร้อยตื้นจนเกินไป  ก็สามารถดึงและรั้งผิวให้ผิดรูปได้
    • เกิดพังผืด (fibrosis) ใต้ผิวหนังที่มีการร้อยไหม
      เมื่อมีการ ร้อยไหม เส้นไหมจะกระตุ้นให้เซลล์สร้างคอลลาเจน(fibroblast) จนเกิดเป็นเส้นใยขึ้นมามากมาย แต่ถ้ากรณีที่เส้นใยเหล่านี้ มีการทับซ้อนกันมากจนเกินไปและอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดพังผืดได้
    • มีการเคลื่อนตัวของไหมและทะลุออกมานอกผิวหนัง
      มีไหมละลายบางชนิดที่อยู่ได้นาน แต่ไม่มีความยืดหยุ่น หลังจาก ร้อยไหม ได้ไม่นานอาจจะมีการเคลื่อนตัวของเส้นไหมและทะลุออกมาได้
    • อาการผิวไหม้
      ในกรณีการ ร้อยไหม แบบโบราณ โดยใช้ไหม ที่มีส่วนผสมของโลหะ เช่น ทองคำ  ตัวโลหะมีคุณสมบัติพิเศษในการดูดความร้อนจากการทำเอ็กซเรย์ ,ทำ MRI หรือเครื่องสแกนต่างๆ ทำให้ผิวไหม้ได้

เมื่อมีอาการข้างเคียงหรือความผิดปกติใดๆ จากการร้อยไหม ที่รุนแรงขึ้น ควรกลับไปพบแพทย์ผู้ทำหัตถการ และที่สำคัญ ควรเลือกทำหัตถการกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน และทำกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้น

ร้อยไหม vs ฟิลเลอร์ vs โบท็อก vs Ulthera/Hifu ควรทำอะไรดี ?

หัตถการทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูผิวและปรับรูปหน้า ไม่ได้มีเพียง การร้อยไหม เท่านั้น แต่ยังมีหัตถการอื่นๆด้วย เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อก และ Ulthera/Hifu ควรทำหัตถการไหนดี และตัวไหนที่ตอบโจทย์สำหรับปัญหาผิวของคุณอย่างแท้จริง

  • ฟิลเลอร์ (Filler)
    ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ที่บริเวณใต้ตาและร่องแก้มลึก
  • โบท็อกซ์ (Botulinum Toxin Type A)
    เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามเยอะ รวมถึงมีริ้วรอยที่บริเวณหางตาและหน้าผาก โดยโบท็อกซ์จะทำหน้าที่ ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กรอบหน้าชัด ได้รูปมากขึ้น
  • Ulthera/Hifu
    หลักการทำงานของ Ulthera/Hifu คือ จะส่งคลื่นอัลตร้าซาวน์พลังงานสูงเข้าไปในผิวชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) แล้วทำให้เกิดการยกกระชับของผิวขึ้น ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ เหมาะสำหรับคนที่กลัวเข็ม
  • ร้อยไหม
    เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ทำให้มองเห็นกรอบหน้าไม่ชัด แต่เมื่อร้อยไหม เพื่อยกกระชับผิว จะช่วยให้กรอบหน้าชัดมากขึ้น ทำให้หน้ามีสมมาตร มีมิติ

รูปแบบของไหมละลายที่ใช้ในการร้อยไหม

รูปแบบของไหมละลายที่ใช้ในการร้อยไหม ที่ได้รับความนิยม แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ดังนี้

เส้นไหมเรียบ (Mono threads)

เป็นลักษณะของไหมที่มีเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยง หนาม ปุ่ม หรือเกลียว นิยมนำมาร้อยไหม แบบตาข่าย มักนำมาร้อยไหม บริเวณหน้าผาก คอ และใต้ตา ที่จะช่วยให้ผิวหนังในบริเวณนั้นๆเต่งตึงขึ้นมาได้ แต่ไม่ได้ช่วยยกชั้นผิวหนัง

ไหมหล่อ (Molding)

เป็นลักษณะของเส้นไหมที่หล่อเงี่ยงขึ้นมาพร้อมกับเส้นไหม  หรือที่เรียกว่า หล่อ
ลายสลักเส้นไหม จุดเด่นคือ เป็นไหมที่มีความแข็งแรงมาก เหมาะกับ ร้อยไหม ในผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยมากๆ พร้อมปรับโครงหน้าให้ยกกระชับ ให้คุณภาพเทียบเท่ากับการดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด

เส้นไหมที่มีเงี่ยง (Cog threads)

เส้นไหมที่มีเงี่ยง  เป็นลักษณะของไหมเส้นเดียว แล้วใช้เลเซอร์ตัดเพื่อทำให้เกิดเงี่ยงไหม เพื่อใช้ยึดเกาะเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนัง ซึ่งเงี่ยงของไหมจะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างเพื่อช่วยยกเนื้อเยื่อหรือผิวที่หย่อนคล้อยขึ้นในช่วงที่ทำการ ร้อยไหม  พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวยืดหยุ่น กระชับ

ไหมเติมเต็ม (Cavern)

ไหมเติมเต็ม เป็นไหมดัดแปลงจากการที่นำไหมเรียบ มาทำเป็นตาข่ายเส้นเล็กๆ เพื่อ
เพิ่มวอลลุ่มในบริเวณผิวที่ ร้อยไหม เป็นไหมที่เหมาะสำหรับการเติมเต็มผิว โดยการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวนั่นเอง

รูปแบบของไหมแบบไหนดีที่สุด

ในการยกระชับผิวหน้าด้วยการร้อยไหม แบบไหนดีที่สุด ควรจะอิงปัจจัยตามสภาพปัญหาของผิวหน้าแต่ละคน และจุดประสงค์ที่อยากจะทำหัตถการ ร้อยไหม ว่าต้องการปรับโครงหน้า ยกกระชับ หรือลดริ้วรอย แล้วจากนั้น ให้ปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพื่อรับการประเมินผิวหน้า และเลือกใช้ไหมตามจุดประสงค์ ซึ่งในการเรียกชื่อไหม แต่ละคลิกนิกก็มักจะตั้งชื่อแตกต่างกันออกไป เพื่อให้ดูน่าสนใจ แต่แท้จริงแล้ว เราสามารถแบ่งไหนออกตามชนิดวัสดุและตามลักษณะของเส้นไหม ซึ่งมีจุดเน้นของคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และไหมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการร้อยไหม คือไหมที่มีเงี่ยงใหญ่ แข็งแรง ไม่หักหรือเปราะง่าย มีความยืดหยุ่น สามารถเกี่ยวเนื้อเยื่อของผิวได้ดี

วัสดุที่ใช้ในการทำเส้นไหม มีกี่แบบ?

วัสดุที่ใช้ทำเส้นไหมสำหรับการร้อยไหม แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้

ไหมแบบ PDO

ไหม PDO (Polydioxanone) มีสีน้ำเงิน เป็นไหมละลาย ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ภายในระยะเวลา 6 เดือน มีความยืดหยุ่นสูง ไม่เป็นอันตราย
ต่อผิวหนังบริเวณที่ ร้อยไหม เป็นเส้นไหมที่ถูกเลือกให้นำมาใช้ทางการแพทย์ ด้วยการทำศัลยกรรมเย็บเส้นเลือดหัวใจ เป็นเส้นไหมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะไม่เพียงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างผิวได้ถึงชั้นหนังแท้ (dermis) เลยทีเดียว ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย กระชับรูขุมขน ทำให้ริ้วรอยและหลุมสิวดูจางลง ที่สำคัญ ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ไหมแบบ PLLA

ไหมชนิด PLLA (Polylactate) ที่ใช้ในการ ร้อยไหม อีกประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นเส้นสีขาว มีความแข็ง เป็นเส้นไหมที่ถูกนำมาใช้แทนการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ เพราะสามารถเพิ่มความหนาแน่นของผิวได้ ทั้งยังกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ด้วย แต่มีข้อเสียคือ ขาดความยืดหยุ่น ทำให้เปราะบาง หักง่าย ซึ่งอาจทำให้ไหมขาด หรือไหมทะลุได้อยู่บ่อยครั้ง หลังการร้อยไหม แล้ว ไหมชนิด PLLA (Polylactate) จะสลายไปได้เองภายใน 12-18 เดือน กลายไปเป็น CO2 , น้ำ และกรดแลคติกในร่างกายคนเรา

ไหมแบบ PCL

การร้อยไหม โดยใช้เส้นไหมแบบ PCL (Polycaprolactone) ตัวไหมมีลักษณะเป็นเส้นสีขาวขุ่น เส้นใหญ่และหนาที่สุด มีความยืดหยุ่นสูง สามารถอยู่ใต้ผิวได้นานกว่าเส้นไหมชนิดอื่น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่มีความแข็งแรงมากกว่า ดังนั้น จึงนิยมนำมาใช้ในการ ร้อยไหม เพื่อยกกระชับกราม ปรับสันจมูก และเสริมเนื้อเยื่อที่บริเวณผิวหน้า เส้นไหมชนิดนี้ สามารถละลายได้เองตามธรรมชาติในระยะเวลา 12-18 เดือน

Lorem ipsum dเข็มร้อยไหมแต่ละชนิด มีข้อแตกต่างกันอย่างไร ?olor sit amet...

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการร้อยไหม คือการเลือกเข็ม ซึ่งจำเป็นต้องเลือกเข็มให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา เพื่อลดโอกาสบวมช้ำ และให้ผลลัพธ์ที่ดี

เข็มแหลม (Shape Needle)

เข็มแหลม จะมีกลไกการตัดผ่านเนื้อคล้ายกับการใช้มีดคมๆมาตัดเนื้อ โดยเส้นเลือดเล็กๆที่ถูกตัดจะมีการสมานของแผลได้ไวมากกว่าการใช้เข็มทู่ แต่ในกรณีของการร้อยไหมโดยใช้เข็มแหลม ถ้าหากไปโดนเส้นเลือดใหญ่ ก็อาจทำให้เกิดอาการบวมเลือดสูง แต่เจ็บน้อยกว่า และบวมน้ำน้อยกว่า

เข็มทู่ (Blunt Cannula)

เข็มทู่ ที่ใช้ในการร้อยไหม จะมีการตัดผ่านเนื้อในลักษณะของการฉีดออก เจ็บมากกว่า มีอาการบวมน้ำเยอะกว่า ในระหว่างทำหัตถการ อาจจะโดนเส้นเลือดขนาดเล็กบ้าง แต่สามารถเลี่ยงเส้นเลือดใหญ่ได้

เข็มตัด(Bullet – Type Blunt)

เข็มตัด เป็นลักษณะการผสมกันระหว่างเข็มกึ่งแหลมกึ่งทู่ โดยที่บริเวณปลายเข็มมีลักษณะคล้ายหลอด มีความคมในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้แหลมเท่าเข็ม

เข็ม L (L -Type Blunt)

เข็ม L (L -Type Blunt) เป็นเข็มที่พัฒนามาจากเข็มตัด ต่างกันที่ปลายของเข็มจะแหลมมากกว่าเข็มตัด สามารถตัดเส้นเลือดเล็กให้ขาดได้ อาจมีรอยบวมหรือรอยช้ำในขณะที่ทำการ ร้อยไหม

เข็มแบบไหนดีที่สุด

เข็มที่ใช้สำหรับการ ร้อยไหม แต่ละประเภทมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกัน และใช้ในสภาพปัญหาผิวที่แตกต่างกันด้วย ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้ประเมินผิวของผู้รับบริการก่อนเสมอ เพื่อเลือกเส้นไหมและเลือกใช้เข็มสำหรับทำหัตถการได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการบริการร้อยไหม

การทำหัตถการร้อยไหม มีข้อควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยและเพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ดังนี้

  • ให้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการ ร้อยไหม ให้ครบถ้วนและละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคลินิก แพทย์ และเทคนิคต่างๆ เพื่อลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงตามมา
  • ก่อน ร้อยไหม ให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการประเมินผิวหน้าอย่างละเอียด รวมถึงการระบุถึงปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อนำไปสู่การวางแผนรักษาต่อไป
  • ให้แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว รวมถึงรายชื่อของยา และวิตามินที่กำลังทานอยู่ก่อน ร้อยไหม
  • ให้งดการแว็กซ์ผิว การดึงขน การกำจัดขน หรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว 3 วันก่อนร้อยไหม
  • ให้งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด ก่อน ร้อยไหม ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังแบบหักโหม หรือการอบซาวน่า เป็นต้น
  • ให้งดยา หรือวิตามินที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน วิตามิน E NSAIDs ใบแปะก๊วย เป็นต้น
  • ก่อน ร้อยไหม 24 ชั่วโมง ให้งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

การปฏิบัติตัวหลังจากการเข้ารับบริการ

หลังจากทำหัตถการ ร้อยไหม มีวิธีการปฏิบัติตัว เพื่อคงผลลัพธ์ที่ยาวนานมากขึ้น ดังนี้

  • หลัง ร้อยไหม อาจมีอาการบวมแดง ช้ำ หรือปวด ซึ่งเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่จะค่อยๆดีขึ้นใน 2-3 วัน นอกจากนั้น อาจรู้สึกตึงหน้า หรือมีอาการเสียว ในบริเวณปลายเส้นไหม แต่จะค่อยๆหายไปภายใน 3-5 วัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเอง และสภาพร่างกายของแต่ละคน และในระหว่างนี้ให้งดการแกะ เกา หรือนวดในบริเวณที่ทำหัตถการ
  • หลัง ร้อยไหม ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ให้งดทำเลเซอร์ งดเล่นโยคะ อบซาวน่า นวดหน้า การทำทรีตเม้นต์ และหัตถการอื่นๆที่ใช้ความร้อน
    ในช่วง 3 วันแรก หลัง ร้อยไหม ไม่ควรขยับใบหน้ามากเกินไป รวมถึง การแสดงสีหน้า อ้าปากกว้างๆ เพราะเส้นไหมยังตึงรั้งอยู่ อาจทำให้เงี่ยงไหมปลดล็อคลงมาและเส้นไหมอาจเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้
  • งดดื่มแอลกอฮอล์หลัง ร้อยไหม ประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • กินยาฆ่าเชื้อหลังจากทำหัตถการ ร้อยไหม ทันที
  • เปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหารหลังจากการ ร้อยไหม โดยให้งดอาหารจำพวก หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู รวมถึงกิจกรรมต่างๆที่ต้องนั่งอยู่หน้าเตาร้อนๆ นอกจากนั้น ให้งดอาหารรสจัด เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบขึ้นได้
  • งดสูบบุหรี่ หลัง ร้อยไหม เพราะในบุหรี่มีสารนิโคติน และสารอันตรายหลายชนิดที่ทำให้หลอดเลือดขยาย อาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นมาได้
    ในกณีที่ผิวหน้ามีความหย่อนคล้อยมาก อาจก่อให้เกิดรอยบุ๋มหลัง ร้อยไหม แต่จะหายไปภายใน 1 เดือนเมื่อ ร้อยไหม แล้วพบว่า ยังมีริ้วรอยหลงเหลืออยู่ หรือต้องการยกกระชับหน้าขึ้นอีกระดับ ให้ปรึกษาแพทย์ผู้ทำหัตถการเพื่อ ร้อยไหม เพิ่ม

ขั้นตอนการร้อยไหม

ในกระบวนการของการ ร้อยไหม สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ดังต่อไปนี้

  • การวิเคราะห์สภาพผิว โครงสร้างใบหน้า
    เมื่อมีการประเมินผิวหน้าของผู้รับบริการเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะออกแบบการรักษา เพื่อเลือกชนิด และจำนวนไหม รวมถึงเทคนิคการ ร้อยไหม ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • การจัดเตรียมผิวหน้าก่อนเริ่มร้อยไหม
    มีขั้นตอน ดังต่อไปนี้
  • ทำความสะอาดผิว ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
    ฉีดยาชาเข้าไปใต้ผิวหนังตามแนวของไหมที่จะร้อย
    ในขั้นตอนนี้อาจรู้สึกแสบเล็กน้อย หลังจากนั้นให้รอประมาณ 5 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์
    แพทย์วาดจุดที่จะร้อยไหม บนใบหน้า เพื่อวางแผนการแก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะปัญหาและรูปหน้าของผู้รับบริการ
    กระบวนการ ร้อยไหม และการปิดแผล
    แพทย์จะใช้เข็มสอดเส้นไหมเข้าไปในชั้นผิวชั้น SMAS (Superficial MusculoAponeurotic System)  ทีละเส้น ตามแนวไหมที่ได้กำหนดเอาไว้ โดยใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับปัญหาของผิวในบริเวณที่ทำหัตถการ ก่อนที่จะมีการตัดไหมหรือผูกปมไหม  หลังจากนั้น จะทำความสะอาดผิวและปิดพลาสเตอร์ที่บริเวณรูไหม

ร้อยไหมแต่ละชนิด ราคาเท่าไหร่ ?

ราคาของการ ร้อยไหม จะแตกต่างกันตามชนิดของไหม วัสดุที่ใช้ทำเส้นไหม และจำนวนของเส้นไหมที่ใช้ในการร้อย

การร้อยไหมต้องใช้ไหมกี่เส้น ?

โดยปกติ ในการ ร้อยไหม จะใช้เส้นไหมอยู่ที่ข้างละ 2-3 เส้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาและโครงหน้าของแต่ละคนด้วย

รีวิว ร้อยไหมยกกระชับหน้า

รีวิว ร้อยไหม ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก และมีถุงใต้ตา แต่หลังจากทำหัตถการ ร้อยไหม พบว่า ผิวมีการยกกระชับมากขึ้น เห็นกรอบหน้าชัดเจนและได้สัดส่วนมากขึ้น นอกจากนั้นจาก รีวิว ร้อยไหม ยังพบว่าริ้วรอยร่องลึก ก็ดูตื้นและผิวเรียบเนียนมากขึ้นด้วย

ร้อยไหมที่ไหนดี

การเลือกคลินิกหรือสถานเสริมความงามเพื่อ ร้อยไหม มีข้อควรพิจารณา ดังต่อไปนี้

  • มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
    คลินิกที่ให้บริการ ร้อยไหม จะต้องได้มาตรฐานตามกฎของกระทรวงสาธารณสุข โดยต้องมีเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล 11 หลัก เพื่อยืนยันว่าได้รับการตรวจสอบแล้ว และดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
  • คลินิกสะอาด ตั้งอยู่ในสถานที่ปลอดภัย
    ภายในคลินิกที่ทำหัตถการ ร้อยไหม จะต้องมีความสะอาด ปลอดโปร่ง บรรยากาศดี มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ นอกจากนั้น ต้องมีอุปกรณ์พื้นฐานทางการแพทย์สำหรับกรณีฉุกเฉิน เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องตรวจสอบคลื่นหัวใจ และอุปกรณ์กู้ชีพ เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยของผู้มารับบริการ ไม่เพียงเท่านั้น ต้องตั้งอยู่ในสถานที่ ที่เข้าถึงได้ง่าย ดูปลอดภัย และได้มาตรฐาน
  • มีแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพอยู่ประจำคลินิก
    สำหรับคลินิกเสริมความงาม นับเป็นสถานพยาบาลที่ต้องมีแพทย์ปฏิบัติการอยู่ประจำ ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ อีกทั้งแพทย์จะต้องผ่านการรับรอง จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น แพทยสภา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้มารับบริการ ไม่เพียงการร้อยไหม เท่านั้น แต่รวมถึงหัตถการความงามอื่นๆด้วย
  • แพทย์มีประสบการณ์และมีเทคนิคในการทำหัตถการ
    ในการร้อยไหม และการทำหัตถการใดๆก็ตาม แพทย์จะต้องมีความรู้ มีความเชี่ยวชาญ ไม่เพียงในเรื่องผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงสร้างกายวิภาคใบหน้าของผู้มารับบริการด้วย นอกจากนั้น จะต้องมีเทคนิคที่สามารถปรับเปลี่ยน หรือแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างถูกต้องและตรงจุด
  • แพทย์ต้องให้คำปรึกษาและประเมินผิวหน้าก่อน ร้อยไหม ทุกครั้ง
    เพื่อจะได้เห็นและเข้าใจปัญหาที่แท้จริง รวมถึงได้ทราบความคาดหวังของผู้มารับบริการแต่ละคน จะต้องมีการประเมินสภาพผิวหน้า เพื่อนำไปสู่การวางแผนรักษาต่อไป
  • สามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ และเครื่องมือแพทย์ได้
    ผู้รับบริการจะต้องมั่นใจว่าคลินิกที่จะไป ร้อยไหม ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ มีมาตรฐาน ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา
  • ราคาคุ้มค่า สมเหตุสมผล
    อย่าเห็นแก่ผลิตภัณฑ์หรือโปรโมชั่น ร้อยไหม ที่มีราคาถูกจนเกินไป เพราะอาจเสี่ยงกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นตามมาได้
  • มีรีวิวจากผู้รับบริการจริง
    ทางคลินิกที่ให้บริการ ร้อยไหม จะต้องมีรีวิวจากลูกค้าจริงที่มารับบริการ โดยไม่ผ่านการรีทัชเกินจริง
  • มีบริการดูแลหลังการขาย
    ทางคลินิกผู้ทำหัตถการ ร้อยไหม จะต้องมีการระบุเงื่อนไขการรับประกันอย่างชัดเจน รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบของคลินิก ในกรณีที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น คลินิก ร้อยไหม ที่ดี จะต้องมีการติดตามผล ให้บริการหลังการขายที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้าด้วย

ทำไมต้องร้อยไหม ที่วิชัญญา คลินิก

วิชัญญา คลินิก คลินิกเสริมความงาม ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทุกท่านด้วยความจริงใจ ทั้งในการ ร้อยไหม และหัตถการอื่นๆที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพของคุณให้ดีมากยิ่งขึ้น และนี่คือเหตุผลที่ทำให้หลายคนตัดสินใจมาใช้บริการที่ วิชัญญา คลินิก

  • วิชัญญา คลินิก ได้ขึ้นทะเบียน และมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้องตามกฏหมาย
  • วิชัญญา คลินิก มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมากด้วยประสบการณ์ มีเทคนิคเฉพาะตัว ยินดีให้คำปรึกษาก่อนทำ พร้อมบริการประเมินสภาพผิวหน้าก่อน ร้อยไหม ที่จะทำให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจและประทับใจสูงสุด
  • วิชัญญา คลินิก เน้นย้ำเรื่องความสะอาด ปลอดภัย อุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ทุกชิ้นมีมาตรฐานและรับการฆ่าเชื้อเรียบร้อย
  • วิชัญญา คลินิก คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ มีการสั่งซื้อจากผู้ผลิตอย่างถูกต้อง และสามารถตรวจสอบได้
  • วิชัญญา คลินิก มีอัตราค่าบริการในการ ร้อยไหม ที่ได้มาตรฐาน สมเหตุสมผล ที่สำคัญได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า คุ้มราคาแน่นอน
  • วิชัญญา คลินิก มีรีวิวจริง จากผู้ที่มาขอรับบริการ ร้อยไหม มากมาย ทั้งภาพและคลิปวีดีโอ ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ตามช่องทางต่างๆ
  • วิชัญญา คลินิก พร้อมดูแลลูกค้าทุกท่านด้วยความใส่ใจ มีบริการทั้งก่อนและหลังทำหัตถการ ร้อยไหม อย่างใกล้ชิด

สรุป

ผิวของคนเราหย่อนคล้อยลงไปทุกวันตามอายุ และสภาพแวดล้อม มลพิษ มลภาวะรอบด้าน  การ ร้อยไหม (Thread Lift)  จึงเป็นหัตถการทางเลือกที่ช่วยยกกระชับ ฟื้นฟูสภาพผิว รวมถึงการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยให้ดูจางลง พร้อมทั้งช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวได้รูป สมส่วน

แต่ก่อนตัดสินใจทำหัตถการ ร้อยไหม ผู้รับบริการจะต้องหาข้อมูลให้ครบถ้วน เลือกคลินิกที่เชื่อถือได้ ใช้ผลิตภัณฑ์แท้ และ ร้อยไหม กับแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเท่านั้น และเพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานมากขึ้น ควรดูแลตนเองอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะไม่เพียงผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความปลอดภัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอีกด้วย

คำถามที่พบบ่อย

ในการ ร้อยไหม มีคำถามที่พบได้บ่อยๆ ดังนี้

มีโรคประจำตัวร้อยไหมได้ไหม ?

ผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างเช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
โรคหัวใจ และโรคไทรอยด์เป็นพิษ เป็นต้น ไม่แนะนำให้ ร้อยไหม และแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งเมื่อต้องทำหัตถการ

ร้อยไหมแล้วหน้าบวม 14 วัน เกิดจากอะไร ?

หลายท่านเจอปัญหา ร้อยไหม แล้วหน้าบวม 14 วัน มีสาเหตุมาจากปัจจัยต่อไปนี้

  • เนื้อแก้มเยอะ หรือมีการดึงไหมมากเกินไป
    ถ้ามีการดึงไหมมากเกินไป เนื้อแก้มจะไปกองที่ด้านบน ให้ความรู้สึกเหมือนหน้าบวม ในกรณีที่มีเนื้อแก้มเยอะ จะต้องผ่านกระบวนการ fat-reposition (การดึงไขมัน) ด้วยการ ร้อยไหม แต่อาจใช้เวลาหลายเดือน และต้อง ร้อยไหม อยู่บ่อยครั้ง
  • การดึงไหมผิดแนว
    ส่งผลให้โหนกแก้มมีเนื้อเยอะขึ้น จนทำให้ดูหน้าบวมได้
  • มีการอักเสบ ติดเชื้อ
    หลัง ร้อยไหม 3-4 วันแรก เป็นปกติที่จะมีอาการบวม จากนั้นจะค่อยๆยุบลงและหายไปเอง แต่ถ้าผิวหนังบริเวณนั้น มีอาการบวมแดงมากขึ้น ปวดมากขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน
  • บวมเลือด บวมน้ำ
    การบวมเลือด หลัง ร้อยไหม คือการมีเลือดออกในชั้นผิว (hematoma) ส่วนการบวมน้ำ คือการมีน้ำคั่งในชั้นผิวจากการอักเสบ (edema) แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเอง ภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยไม่มีอันตรายใดๆ

อาการไหมขาด

การขาดของไหม จะมีเสียงดัง “เปี๊ยะ” พร้อมทั้งให้ความรู้สึกว่าไหมดีดหน้า และจะมีอาการเจ็บที่บริเวณนั้นๆ ถ้าหากไหมขาดแล้วดีดมาโดนเส้นเลือด ก็จะทำให้เกิดรอยช้ำขึ้นมาได้

อาการไหมเคลื่อน

วิธีสังเกตว่า ไหมที่ร้อยเข้าไปกำลังเคลื่อน คือผิวจะค่อยๆหย่อนคล้อยลงมา มีเสียงดัง “กึ๊ก” มักเกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงสีหน้าแรงๆ ทำให้รู้สึกเจ็บ และมีอาการเขียวช้ำขึ้นมาในบริเวณนั้นได้

หลังร้อยใบหน้าไม่ยก หรือไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง เกิดจากอะไร

ในกรณีที่ร้อยไหม แล้ว ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น มักมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ใช้ชนิดของเส้นไหมไม่เหมาะกับปัญหาผิวบริเวณนั้นๆ ไหมไม่มีคุณภาพ ไม่แข็งแรง ใช้จำนวนไหมไม่เพียงพอต่อสภาพปัญหาผิว รวมถึงการที่แพทย์ขาดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญก็เป็นได้

เกิดริ้วไหม หรือ รอยรั้งไหม

การเกิดริ้วไหมหรือรอยรั้งไหมหลังการ ร้อยไหม เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยมีลักษณะสำคัญคือ ผิวหนังในบริเวณนั้นจะเป็นรอยบุ๋ม มีรอยคลื่น เป็นชั้นๆ หรือพื้นผิวบริเวณนั้นยุบลงไป แต่เมื่อครบ 4 สัปดาห์ เมื่อตัวไหมเริ่มเซ็ตตัวเข้ากับผิวแล้ว รอยต่างๆจะตื้นขึ้น จนเรียบเนียนเป็นปกติ

ร้อยไหมไปแล้ว ใบหน้าดูหย่อนลงมาไว

ในกรณีร้อยไหม แล้ว ไหมไม่ยก ทำให้ผิวดูหย่อนคล้อย มักเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากเส้นไหมยังไม่เซ็ตตัวกับผิว ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่น การแสดงสีหน้าแรงๆ ทำให้ไหมเคลื่อนตัวลงมาได้ง่าย  หรือการที่เนื้อเยื่อของผิวบริเวณที่เงี่ยงไหมเกาะอยู่นั้น เสื่อมสภาพลง  เป็นต้น