Sculptra เติมร่องลึก ฟื้นฟูผิวหน้าให้อวบอิ่มดูอ่อนกว่าวัย
กาลเวลาเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยุดยั้ง ริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้าเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงวัยที่เพิ่มขึ้นยิ่งร่องลึกใต้ตา ร่องแก้ม และริ้วรอยต่างๆ ปรากฏชัดมากขึ้น ผิวหน้าก็จะดูโทรม ไร้ชีวิตชีวา Sculptra ฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอยและกระชับผิว เปรียบเสมือนของขวัญแห่งความอ่อนเยาว์ที่จะช่วยเติมเต็มร่องลึก ฟื้นฟูผิวหน้าให้อวบอิ่ม ดูมีชีวิตชีวาเผยผิวพรรณที่เนียนเรียบดูอ่อนกว่าวัย ใครที่กำลังมองหาวิธีแก้ไขผิวหน้าให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ เผยผิวเรียบเนียนกระจ่างใสด้วยวิธีที่เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน Sculptra อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคุณ ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อนว่า Sculptra คืออะไร มีข้อควรระวังอะไรบ้าง รวมถึงค่าใช้จ่ายและผลลัพธ์หลังการฉีดเพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจฉีด Sculptra
Sculptra คืออะไร?
Sculptra เป็นสารเติมเต็มผิวชนิดพิเศษที่ใช้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ Sculptra ประกอบด้วยกรดโพลีแอลแลคติก (Poly-L-Lactic-Acid; PLLA) จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท Galderma Laboratories, L.P. ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์จากพืชตัวแรกและตัวเดียวในโลกที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 ปัจจุบัน Sculptra ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เอง เมื่อฉีด Sculptra เข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง PLLA จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวหน้าอิ่มฟู ช่วยเติมเต็มริ้วรอย ยกกระชับผิวและคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์จากการฉีด Sculptra นั้นจะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นหลังจากการฉีดประมาณ 1-2 สัปดาห์และสามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี
คอลลาเจนคืออะไร สำคัญอย่างไร ?
คอลลาเจน (Collagen) เปรียบเสมือนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของร่างกายเรา เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 25-35 ของปริมาณโปรตีนทั้งหมดและเป็นส่วนประกอบของผิวหนังถึงร้อยละ 75 พบได้ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหลายชนิดโดยเฉพาะในผิวหนัง กระดูกอ่อน เอ็น กล้ามเนื้อ หลอดเลือดและอวัยวะต่างๆ ทำหน้าที่เสมือนกาวที่เชื่อมต่อและรองรับเซลล์ต่างๆ ให้คงรูป ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง กระดูกและข้อต่อมีความยืดหยุ่น เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อมีความแข็งแรง เมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวหนังหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย กระดูกและข้อเสื่อม กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง หลอดเลือดเสื่อมสภาพส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม ในร่างกายมนุษย์พบคอลลาเจนหลายชนิดแต่ละชนิดมีโครงสร้างและหน้าที่แตกต่างกันไป ชนิดของคอลลาเจนที่พบได้มากที่สุด ได้แก่
- คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I): พบได้มากที่สุดในร่างกาย ประกอบเป็นโครงสร้างหลักของผิวหนัง กระดูก เอ็น และเยื่อบุโพรง ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง กระดูกแข็งแรงและเอ็นยืดหยุ่น
- คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II): พบได้ในกระดูกอ่อนข้อต่อ ช่วยลดแรงเสียดทานและรองรับน้ำหนัก คอลลาเจนชนิดนี้ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน
- คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III): พบได้ในผนังหลอดเลือด กล้ามเนื้อ และอวัยวะต่างๆ ช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อแข็งแรง และอวัยวะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Collagen Type IV): พบได้ในชั้นฐานของผิวหนัง ช่วยให้ผิวหนังยึดติดกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออื่นๆ ช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด
- คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V): พบได้ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่างๆ เช่น เยื่อบุโพรง ช่วยให้เซลล์ยึดติดกันและรักษารูปร่างของเนื้อเยื่อ
ร่างกายของเราสร้างคอลลาเจนเองได้แต่การผลิตคอลลาเจนจะลดลงตามกาลเวลา ส่งผลต่อสุขภาพผิว กระดูก และข้อต่อ อาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิดสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและชะลอความเสื่อมของคอลลาเจน
กระบวนการทำงานของ Sculptra
Sculptra เป็นสารเติมเต็มชนิดพิเศษต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป ทำงานโดยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย Sculptra มีจุดเด่นช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าที่ดูอิ่มฟู ยกกระชับและริ้วรอยดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งกลไกการทำงานของ Sculptra แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะฉีด Sculptra ซึ่งเป็นสารประกอบของกรดโพลีแลคติก (PLLA) เข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง PLLA จะค่อยๆ ย่อยสลายตามธรรมชาติ อนุภาคของ Sculptra จะส่งสัญญาณไปยังเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ คอลลาเจนเหล่านี้จะเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกทำให้ผิวหนังดูอิ่มฟู ยกกระชับและยืดหยุ่นขึ้น ผลลัพธ์จาก Sculptra นั้นจะค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น โดยทั่วไปจะเห็นผลหลังการฉีด 4-6 สัปดาห์และสามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณ Sculptra ที่ฉีด สภาพผิวและปัจจัยอื่นๆ
Sculptra กับวิธีอื่น ๆ ต่างกันอย่างไร ?
Sculptra กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร?
ฟิลเลอร์ หรือ Filler เป็นสารสังเคราะห์หรือสารธรรมชาติที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญฉีดเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอย ปรับรูปหน้าหรือเสริมความอิ่มฟูให้กับผิวหน้า ฟิลเลอร์มีหลายชนิด เช่น กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid), คอลลาเจน (Collagen), ไขมัน (Fat), ไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Hydroxyapatite), โพลิเมทิลเมทาคริเลต (Polymethylmethacrylate) เป็นต้น แต่ละชนิดมีคุณสมบัติ กลไกการทำงานและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ Sculptra และ ฟิลเลอร์ ต่างเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในการเติมเต็มริ้วรอยและยกกระชับใบหน้า แต่ทั้งสองวิธีนี้มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้านอาทิ
Sculptra ทำงานโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวหนัง ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏชัดเจน 2-4 สัปดาห์และคงอยู่ยาวนานถึง 25 เดือน เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึกและผิวหย่อนคล้อย ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน เห็นผลชัดเจนและไม่ต้องกังวลเรื่องการฉีดซ้ำบ่อยครั้ง แต่ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจรับการรักษาเพื่อประเมินความเหมาะสมและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ฟิลเลอร์ทำงานโดยการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกและปรับรูปหน้าโดยตรง เห็นผลลัพธ์ทันที แต่ผลลัพธ์มีระยะเวลาจำกัด ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที ต้องการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกหรือปรับรูปหน้า แต่ต้องเข้าใจว่าผลลัพธ์มีระยะเวลาจำกัดต้องฉีดซ้ำเป็นระยะและต้องเลือกสถานที่ให้บริการที่ได้มาตรฐาน
Sculptra กับ เมโสหน้าใส ต่างกันอย่างไร?
เมโสหน้าใส หรือ Mesotherapy เป็นวิธีการดูแลผิวหน้าแบบหนึ่งโดยใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสารอาหารต่างๆ เช่น กรดไฮยาลูรอนิก วิตามินแร่ธาตุเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรงเพื่อบำรุงผิว เพิ่มความชุ่มชื้น บำรุงผิวหน้าให้กระจ่างใส เรียบเนียน Sculptra และเมโสหน้าใสต่างเป็นที่ได้รับความนิยมในการดูแลผิวหน้า โดยเมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง มีปัญหาสิว ฝ้า กระ รอยดำ ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รวมถึงผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน
ในขณะที่ Sculptra การกระตุ้นให้ชั้นผิวหนังผลิตคอลลาเจนด้วย PLLA มีส่วนช่วยให้ผิวหน้าดูอิ่มฟู อวบอิ่ม ยกกระชับ อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น ร่องลึกต่างๆ บนผิวหน้าให้ดูเรียบเนียนกว่าที่เคย นอกจากนี้ Sculptra ยังเป็นวิธีที่คงผลลัพทธ์ยาวนานอีก
Sculptra กับ Rejuran ต่างกันอย่างไร ?
Rejuran เป็นเทคนิคการฟื้นฟูผิวหน้าแบบหนึ่งโดยใช้สารสกัดโพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide: PN) ซึ่งสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอนฉีดเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส เต่งตึง รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยและรอยแผลเป็นดูจางลง PN ยังมีคุณสมบัติกระตุ้นเซลล์ผิว ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดการอักเสบ Rejuran เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น มีริ้วรอย ร่องลึก รูขุมขนกว้าง รอยแผลเป็น ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ในขณะที่ PLLA ในหัตถการ Sculptra เป็นสารสกัดที่ได้มากจากพืช ช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อผิวหน้าที่อิ่มฟู ยกกระชับ ไร้ริ้วรอยและร่องลึก
Sculptra กับ Gouri ต่างกันอย่างไร ?
Gouri หรือที่รู้จักในชื่อ PCL Aesthetic เป็นเทคนิคการฟื้นฟูผิวแบบ Collagen Biostimulator หรือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่นเดียวกับหัตถการ Sculptra แต่ Gouri ใช้สาร PCL (Polycaprolactone) ในรูปแบบของเหลวฉีดเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ในขณะที่ Sculptra ที่เป็นสาร PLLA ในรูปแบบผงต้องผ่านขั้นตอนการเตรียมที่สะอาด ปราศจากเชื้อก่อนฉีด นอกจากนี้ Gouri มีส่วนช่วยเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอย ปรับรูปหน้า เพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึงอ่อนเยาว์ลง Gouri จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น มีริ้วรอย ร่องลึก รูขุมขนกว้าง ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า ผลลัพธ์หลังการทำจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี
Sculptra กับ Exosome ต่างกันอย่างไร ?
เอ็กโซโซม หรือ Exosome คือถุงขนาดเล็กที่หลุดออกมาจากเซลล์ มีขนาดประมาณ 30 ถึง 150 นาโนเมตร ทำหน้าที่เหมือนพาหนะขนส่งสารต่างๆ ระหว่างเซลล์ Exosome เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำไม่กระจ่างใส ต้องการฟื้นฟูสภาพผิว ชะลอวัยและลดเลือนริ้วรอย โดยสารเหล่านี้สามารถเป็น DNA, RNA, โปรตีน, ไขมันและสารชีวโมเลกุลอื่นๆ สารสำคัญใน Exosome ที่ส่งผลดีต่อผิวได้แก่
- Growth Factors (ปัจจัยการเจริญเติบโต): กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง และเรียบเนียน
- Peptides (เปปไทด์): กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดเลือนริ้วรอย และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- Amino Acids (กรดอะมิโน): เป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรตีน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และเรียบเนียน
- Coenzymes (โคเอ็นไซม์): เร่งปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และชะลอวัย
- Hyaluronic Acids (กรดไฮยาลูรอนิก): กักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ และเต่งตึง
- โปรตีน: ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว และปกป้องผิวจากมลภาวะ
เนื่องจาก Exosome เป็นสารชีวโมเลกุลขนาดเล็กจึงสามารถดูดซึมได้ไวช่วยกระตุ้นและดูแลผิวหนังชั้นบนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ Sculptra จะเน้นการบำรุงลงไปยังผิวหนังชั้นลึก ช่วยยกกระชับและเติมเต็มร่องลึก เผยผิวเรียบเนียน อิ่มฟูแลดูอ่อนเยาว์
ตารางเปรียบเทียบ Sculptra กับวิธีอื่นๆ ต่างกันอย่างไร ?
Sculptra เหมาะกับใคร ?
Sculptra หรือ โพลีแอลแอคติดแอซิด (Poly-L-Lactic Acid) เป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน Sculptra ทำงานโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนังผลลัพธ์คือผิวหน้ามีความกระชับ เต่งตึง อิ่มฟู ริ้วรอยและร่องลึกดูตื้นขึ้น รูปหน้าดูชัดเจนขึ้น Sculptra เหมาะกับบุคคลที่มีปัญหาผิวดังต่อไปนี้:
- ริ้วรอยและร่องลึก: Sculptra สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม รอยใต้ตา รอยหางปลา รอยร่องปาก ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
- ผิวหย่อนคล้อย: Sculptra ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ามีความกระชับ เต่งตึง ยกกระชับใบหน้า
- รูปหน้าไม่ชัดเจน: Sculptra สามารถช่วยเติมเต็มบริเวณต่างๆ เช่น ขมับ โหนกแก้ม ปรับรูปหน้าให้ดูชัดเจนขึ้น
Sculptra ช่วยอะไรได้บ้าง?
- เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก: Sculptra สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าเช่น ร่องแก้ม รอยใต้ตา รอยหางปลา รอยร่องปาก ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ลง
- ยกกระชับใบหน้า: Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวหน้ามีความกระชับ เต่งตึง ยกกระชับใบหน้า ลดปัญหาแก้มหย่อนคล้อย โหนกแก้มตอบ
- ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและคงอยู่ยาวนาน: Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติกลมกลืนไปกับผิว ไม่ดูแข็งกระด้าง ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือนถึง 1-2 ปี
- ฟื้นฟูสภาพผิวจากภายใน: Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น เรียบเนียน กระจ่างใส
ก่อนการฉีด Sculptra ควรเตรียมตัวอย่างไร
Sculptra เป็นสารในกลุ่ม Collagen Biostimulator ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าที่เต่งตึง ริ้วรอยดูลดลงและผิวดูอิ่มฟู แต่ก่อนจะไปฉีด Sculptra มีอะไรบ้างที่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่ออกมาดีและ
- ลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์ในการฉีด Sculptra เพื่อประเมินสภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไขและความเหมาะสมในการฉีด Sculptra แพทย์จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการฉีด ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและการดูแลหลังการฉีดอย่างละเอียดเพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
- แจ้งข้อมูลสุขภาพให้ครบถ้วน: แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ทาน วิตามิน อาหารเสริมหรือสมุนไพรที่ทานเป็นประจำ แพทย์จะพิจารณาว่ามีสิ่งใดที่อาจส่งผลต่อการฉีด Sculptra หรือไม่ เช่น ยาที่เพิ่มความเสี่ยงต่อเลือดออก ยาต้านการแข็งตัวของเลือด สมุนไพรบางชนิด แพทย์อาจแนะนำให้หยุดยาบางชนิดชั่วคราวก่อนการฉีด
- งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต การหายของแผลและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้นควรหยุดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด Sculptra
- งดดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอาจทำให้เกิดรอยช้ำหลังการฉีด ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด Sculptra
อ่านรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง: ก่อนเข้ารับบริการควรมีการศึกษาข้อมูล อ่านรายละเอียดต่างๆ พร้อมดู Sculptra รีวิวจากผู้ที่เคยเข้ารับบริการจริง
ขั้นตอนการฉีด Sculptra
การฉีด Sculptra มักจะทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ ขั้นตอนคร่าวๆ มีดังนี้
- เข้ารับการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: พบแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว ปัญหาที่กังวล รับฟังคำแนะนำ ข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังการฉีด Sculptra
- เตรียมความพร้อม: แพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณที่ฉีด อาจจะมีการแปะยาชาบริเวณที่ฉีดประมาณ 45 นาทีเพื่อลดความรู้สึกเจ็บแสบ รวมถึงอาจจะทำการถ่ายรูปใบหน้าก่อนการฉีดเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
- ฉีด Sculptra: ก่อนการฉีดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการเตรียม Sculptra ให้อยู่ในรูปที่พร้อมใช้งานโดยผสม Sculptra กับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterile water) จากนั้นฉีด Sculptra ลงใต้ชั้นผิวหนัง 1.5-2 เซนติเมตร ด้วยเข็มทู่ขนาด 22-25 G อย่างประณีตกระจายยาตามจุดที่ต้องการแก้ไข
- นวดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน: เมื่อเสร็จสิ้นการฉีดแพทย์จะทำการนวดหน้าเบาๆ ช่วยให้ยากระจายตัว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เผยผิวสวยอิ่มฟู
ระยะเวลาในการฉีด Sculptra มักจะใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการรักษา หลังการฉีด Sculptra อาจมีอาการบวม แดงหรือช้ำ อาการเหล่านี้มักจะหายไปภายในไม่กี่วัน แพทย์จะแนะนำวิธีประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม ผลลัพธ์หลังฉีด Sculptra มักจะปรากฏชัดเจนหลังการฉีด 4-6 สัปดาห์ ผิวจะค่อยๆ เต่งตึง ริ้วรอยดูลดลงและดูอิ่มฟู และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 2-3 ปีขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สภาพผิวและการดูแลรักษา เป็นต้น
หลังฉีด Sculptra ดูแลตัวอย่างไร ?
หลังจากเติมเต็มริ้วรอย ยกกระชับใบหน้าด้วย Sculptra ฟิลเลอร์ การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาสวยงาม ปลอดภัยและคงอยู่ได้นาน
- นวดหน้าเบาๆ การนวดจะช่วยให้ยากระจายตัวได้ทั่วใบหน้า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้น
- งดแต่งหน้า อบซาวน่า อบไอน้ำและทาครีมบริเวณรอยเข็มเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคือง ติดเชื้อ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
หลีกเลี่ยงแสงแดดและแสงยูวี ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป สวมหมวก กางร่ม - เมื่อต้องออกแดด แสงแดดและแสงยูวีอาจทำให้ผิวไหม้แดด ระคายเคืองและส่งผลต่อผลลัพธ์ของการฉีด
- งดทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า แนะนำให้เว้นช่วง 2-4 สัปดาห์หลังการฉีด Sculptra ก่อนทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้าเช่น การฉีดโบท็อกซ์ การเลเซอร์หรือการทำ HIFU
- ปรึกษาแพทย์หากมีข้อกังวลหรืออาการผิดปกติ เช่น อาการบวม แดง ช้ำหรืออาการผิดปกติอื่นๆ แพทย์จะประเมินอาการและให้คำแนะนำที่เหมาะสม
Sculptra ราคาเท่าไหร่?
ราคาของ Sculptra นั้นขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่ใช้ คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ฉีดและโปรโมชั่นต่างๆ โดยทั่วไปแล้วราคาจะอยู่ที่ประมาณขวดละ 25,000-30,000 บาท ทั้งนี้ราคาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น แนะนำให้ติดต่อคลินิกหรือโรงพยาบาลที่สนใจเพื่อสอบถามราคาที่แน่นอนอีกครั้ง
ข้อดี Sculptra
Sculptra ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันด้วยผลลัพธ์ที่ยาวนาน ปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณมาดู 10 ข้อดีของ Sculptra กันเลย
- ผลลัพธ์ยาวนาน: Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังจึงให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานถึง 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สภาพผิวและการดูแลรักษา
- ปลอดภัย: Sculptra ผลิตจากสาร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารชีวภาพที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ จึงมีความปลอดภัยสูงได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของทั้งสหรัฐอเมริกาและไทย
- ดูเป็นธรรมชาติ: Sculptra จะค่อยๆ กระจายตัวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง จึงให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งหรือเป็นก้อน
- เหมาะกับทุกสภาพผิว: Sculptra สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก ร่องลึกหรือต้องการปรับรูปหน้า
- แทบไม่มีอาการข้างเคียง: Sculptra มีอาการข้างเคียงน้อยมาก โดยทั่วไปแล้วจะมีเพียงอาการบวม แดงหรือช้ำ เล็กน้อยซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วัน
- ฟื้นตัวเร็ว: หลังการฉีด Sculptra สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน
- ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป: Sculptra จะค่อยๆ แสดงผลลัพธ์ภายใน 4-6 สัปดาห์หลังจากฉีด ผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: Sculptra ไม่เพียงแต่เติมเต็มริ้วรอยแต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มฟู เต่งตึงและยืดหยุ่น
- เสริมความมั่นใจ: Sculptra ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง ไร้ริ้วรอย เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับการรักษา
ข้อควรระวังการฉีด Sculptra
ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง: Sculptra ทำงานโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้จะค่อยเป็นค่อยไป อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าจะเห็นผลชัดเจน ขึ้นอยู่กับปริมาณ Sculptra ที่ฉีด บริเวณที่ฉีด และสภาพผิวของแต่ละบุคคล
มีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง: เช่น อาการบวม รอยแดง รอยช้ำ อาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน แต่ในบางรายอาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่า เช่น ก้อนเนื้อใต้ผิวหนัง การติดเชื้อ อาการแพ้หรือเนื้อตาย
ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ Sculptra: ได้แก่ Poly-L-lactic acid (PLLA), Carboxymethylcellulose (CMC) และ Non-pyrogenic mannitol หรือผู้ที่มีประวัติแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis) เป็นต้น
ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด: ผู้ที่มีโรคประจำตัวภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune, SLE) รวมถึงผู้ที่ใช้ยาในยากดภูมิคุ้มกัน
ห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร: Sculptra อาจส่งผลต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของ Sculptra ในหญิงตั้งครรภ์
ต้องการการนัดหมายหลายครั้ง: การฉีด Sculptra มักต้องทำหลายครั้ง ห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
มีค่าใช้จ่ายสูง: Sculptra เป็นการรักษาที่มีราคาค่อนข้างแพง ราคาจะขึ้นอยู่กับปริมาณ Sculptra ที่ฉีด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถานพยาบาลที่ทำการรักษา
ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีด Sculptra ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสม อธิบายความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Sculptra
โดยทั่วไป Sculptra ถือว่าเป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงที่มักพบหลังการฉีดมักเป็นอาการชั่วคราวและไม่รุนแรง แต่ก็มีบางกรณีที่อาจเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงกว่า ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ผลข้างเคียงทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Sculptra
- รอยแดง
- บวม
- ช้ำ
- รู้สึกเจ็บหรือชาบริเวณที่ฉีด
- ก้อนเล็กๆ ใต้ผิวหนัง
- ผิวหนังเป็นคลื่น
- อาการคัน
- รอยแผลเป็น
- อาการคล้ายเป็นหวัด เช่น น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ
วิธีการนวดหลังฉีด Sculptra
การนวดหลังฉีด Sculptra ช่วยกระจายตัวของสาร Sculptra ไปยังบริเวณที่ต้องการ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดอาการบวมช้ำหลังการฉีด โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้เริ่มนวด 5 นาที วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 วันหลังการฉีด โดยมีวิธีนวดดังนี้
- ล้างมือก่อนนวดให้สะอาด
- ทาครีมนวดบริเวณที่ฉีด
- นวดด้วยแรงกดเบาๆ โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง
- นวดเป็นวงกลมวนไปมา
- นวดไล่จากด้านล่างขึ้นบน
- ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีต่อครั้ง
- นวดวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
การนวดหน้าหลังฉีด Sculptra ช่วยอะไรบ้าง
การนวดหน้าหลังฉีด Sculptra นั้นมีประโยชน์มากมาย ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาและให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ดังนี้
- กระตุ้นการกระจายตัวของสาร Sculptra: การนวดกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลือง ช่วยให้สาร Sculptra กระจายตัวได้ทั่วถึงบริเวณที่ฉีด ส่งผลให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและเนียนเรียบ ป้องกันการเกิดก้อนหรือรอยคลื่นใต้ผิวหนัง
- ลดอาการบวมช้ำและรอยแดง: การนวดช่วยลดการอักเสบและอาการบวมช้ำ ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังการฉีด ช่วยให้ใบหน้าของเรากลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้น ลดรอยแดงจากรอยเข็มฉีดทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน: การนวดกระตุ้นเซลล์ผิวหนัง fibroblast กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ ซึ่งส่งผลให้ผิวหน้ากระชับและยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยและร่องลึกดูจางลง ผิวหน้าดูอิ่มเอิบและเปล่งปลั่ง
อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการนวดหลังฉีด Sculptra แพทย์จะประเมินความเหมาะสมและแนะนำวิธีการนวดที่เหมาะสมกับเรา รวมไปถึงข้อควรระวังต่างๆ การนวดหน้าหลังฉีด Sculptra ควรทำอย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปแนะนำให้นวด 5 นาที วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 วันหลังการฉีด
วิธีการเช็ก Sculptra ของแท้ดูยังไง ?
ปัจจุยบันการใช้ Sculptra เพื่อแก้ไขผิวหน้าในจุดต่างๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงทำให้มีผลิตภัตฑ์ลอกเลียนแบบหรือของปลอมเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นของปลอมเหล่านี้อาจส่งผลร้ายแรงต่อผู้ใช้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีด Sculptra ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของแท้ โดยวิธีดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: กล่อง Sculptra ของแท้จะต้องมีสติกเกอร์โมโนแกรมสีทองแปะอยู่มุมขวาบนของกล่อง บนกล่องจะต้องมีลายนูนรูปตัว S ข้อมูลบนกล่องจะต้องพิมพ์ชัดเจน อ่านง่าย ครบถ้วน รวมไปถึงเลขทะเบียน อย. ภาษาไทย นอกจากนี้กล่อง Sculptra ของแท้จะมี QR code สำหรับสแกนตรวจสอบของแท้ผ่านแอปพลิเคชัน eZTracker
- ตรวจสอบขวด: ขวด Sculptra ของแท้จะต้องปิดสนิทด้วยจุกยางสีขาว บนขวดจะต้องมีฉลากแปะไว้ ระบุข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์ เลข Lot วันหมดอายุ ผง Sculptra ภายในขวดจะต้องเป็นสีขาว ละเอียด ไม่มีก้อน
- ตรวจสอบแหล่งที่มา: ควรฉีด Sculptra กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจาก Allergan บริษัทผู้ผลิต Sculptra แพทย์จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ถูกต้อง คลินิกจะต้องสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
เลือกฉีด Sculptra ที่คลินิกไหนดี
การเลือกคลินิกฉีด Sculptra นั้นมีความสำคัญอย่างมากเพราะ Sculptra เป็นสารเติมเต็มชนิดดูดซึมได้ชีวภาพ หากฉีดโดยแพทย์ผู้ไม่มีประสบการณ์หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจส่งผลร้ายแรงต่อผู้ใช้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีด Sculptra ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน: ตรวจสอบว่าคลินิกได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างถูกต้อง คลินิกมีความสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน แพทย์ผู้ทำการฉีดมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมเฉพาะทางด้านผิวหนัง มีประสบการณ์ในการฉีด Sculptra คลินิกมีเคสรีวิวการฉีด Sculptra จริงๆ เยอะ
เลือกคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Sculptra ของแท้: ตรวจสอบเอกสารกำกับการใช้งาน เลขล็อตการผลิต วันเดือนปีที่ผลิต ตรงกับฉลากหน้ากล่องและฉลากบนขวด เอกสารกำกับมีภาษาไทยชัดเจน ตรวจสอบเลข อย. บนกล่องกับเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาhttps://www.fda.moph.go.th/ หรือสแกน QR Code บนกล่องด้วยแอปพลิเคชัน EZTracker ข้อมูลสินค้าตรงกับเอกสารและฉลากบนกล่อง
เปรียบเทียบราคา: Sculptra ของแท้จะมีราคาค่อนข้างสูง ควรเปรียบเทียบราคากับคลินิกอื่นๆ ก่อนตัดสินใจ ราคาที่ถูกผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของ Sculptra ปลอม
ปรึกษาแพทย์: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ทานและประวัติการแพ้ยา สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการฉีด ผลข้างเคียงและการดูแลหลังฉีด
ทำไมต้องฉีด Sculptra ที่วิชัญญาคลินิก
วิชัญญาคลินิกเป็นหนึ่งในคลินิกชั้นนำที่ให้บริการฉีด Sculptra ด้วยประสบการณ์ยาวนาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นที่น่าพึงพอใจ
แพทย์ผู้ทำการฉีดมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมเฉพาะทางด้านผิวหนัง มีประสบการณ์ในการฉีด Sculptra เข้าใจโครงสร้างชั้นผิวหน้าอย่างละเอียด สามารถวิเคราะห์ปัญหาและออกแบบการฉีดให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
วิชัญญาคลินิกใช้ Sculptra ของแท้จากบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการดูแลผิวหนังและโรคผิวหนังรวมไปถึงด้านสุขภาพความงาม สามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ ผู้รับบริการมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับของแท้แน่นอน
วิชัญญาคลินิกใช้เทคนิคการฉีด Sculptra แบบ Cannula ซึ่งเป็นเข็มปลายทู่ช่วยลดอาการบวมช้ำและเข็มเจ็บน้อยกว่า
ใช้เครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดภัย ควบคุมอุณหภูมิในการเก็บรักษา Sculptra อย่างถูกต้อง
บริการที่ประทับใจ ที่วิชัญญาคลินิกมีทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่บริการด้วยความใส่ใจ เป็นกันเองให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการฉีด Sculptra อย่างละเอียด พร้อมดูแลหลังการฉีดอย่างใกล้ชิด มีห้องฉีดที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
คุณหมอใส่ใจรายละเอียดและควบคุมทุกขั้นตอนด้วยตัวเองเพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ
วิชัญญาคลินิกเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์ทุกความต้องการพบกับ 3 สาขาหลัก กรุงเทพฯ (วัชรพล), อยุธยาและกาญจนบุรี มั่นใจได้ในมาตรฐานการรักษาที่เหนือระดับ
วิชัญญาคลินิกมีทีมแพทย์มากประสบการณ์กว่า 14 ปี พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ มอบการรักษาที่มีประสิทธิภาพ มาตรฐานเดียวกันทุกสาขา
คำถามที่พบบ่อย
ฉีด Sculptra อันตรายไหม?
โดยทั่วไปแล้ว Sculptra ถือว่ามีความปลอดภัยสูงได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) และมีการใช้อย่างแพร่หลายมานานกว่า 20 ปี อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับการรักษาทางการแพทย์ทุกประเภท Sculptra ก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่ รอยแดง บวม รอยช้ำ อาการคันและความรู้สึกเจ็บแสบ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ อย่างไรก็ตามหากเกิดอาการผิดปกติควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยด่วน
ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีด Sculptra โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ถึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งนี้ระยะเวลาในการเห็นผลอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น
บริเวณที่ฉีด: บริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม อาจเห็นผลเร็วกว่าบริเวณที่มีผิวหนา
ปริมาณยาที่ฉีด: การฉีด Sculptra ในปริมาณที่มาก อาจเห็นผลเร็วกว่าการฉีดในปริมาณที่น้อย
สภาพผิว: ผู้ที่มีผิวสุขภาพดี คอลลาเจนแข็งแรง อาจเห็นผลช้ากว่าผู้ที่มีผิวเสื่อมโทรม
การดูแลหลังการรักษา: การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การประคบเย็น การหลีกเลี่ยงแสงแดด การงดสูบบุหรี่ อาจช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้น
ฉีด Sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง?
จำนวนครั้งในการฉีด Sculptra ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น
ปัญหาผิว: ผู้ที่มีปัญหาผิวมาก เช่น ริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อย อาจต้องฉีดหลายครั้งมากกว่าผู้ที่มีปัญหาผิวเพียงเล็กน้อย
ความต้องการของผลลัพธ์: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน อาจต้องฉีดหลายครั้งมากกว่าผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย
การตอบสนองของร่างกาย: ร่างกายแต่ละคนตอบสนองต่อ Sculptra แตกต่างกันไป ผู้ที่มีร่างกายตอบสนองต่อ Sculptra ได้ดีอาจต้องฉีดน้อยครั้งกว่าผู้ที่มีร่างกายตอบสนองต่อ Sculptra ได้ไม่ดี
โดยทั่วไปแล้วแพทย์มักแนะนำให้ฉีด Sculptra ดังนี้ ครั้งแรกฉีดครั้งละ 1 ขวด เว้นระยะห่าง 4-6 สัปดาห์ จำนวน 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์ อย่างไรก็ตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินและพิจารณาจำนวนครั้งในการฉีด Sculptra ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ฉีด Sculptra อยู่ได้นานไหม?
ผลลัพธ์จากการฉีด Sculptra นั้นค่อนข้างถาวร โดยทั่วไปสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการเช่น
อายุ: ผู้ที่มีอายุน้อยร่างกายยังสร้างคอลลาเจนได้ดี ผลลัพธ์จากการฉีด Sculptra อาจอยู่ได้นานกว่าผู้ที่มีอายุมาก
สุขภาพ: ผู้ที่มีสุขภาพดีดูแลตัวเองเป็นประจำ ผลลัพธ์จากการฉีด Sculptra อาจอยู่ได้นานกว่าผู้ที่มีสุขภาพไม่ดี
การดูแลผิว: ผู้ที่ทาครีมกันแดดเป็นประจำ หลีกเลี่ยงแสงแดด ผลลัพธ์จากการฉีด Sculptra อาจอยู่ได้นานกว่าผู้ที่ไม่ดูแลผิว
ปริมาณการฉีด Sculptra: การฉีด Sculptra ในปริมาณที่มากอาจอยู่ได้นานกว่าการฉีดในปริมาณที่น้อย
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์จากการฉีด Sculptra นั้นเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ร่างกายแต่ละคนมีกลไกการซ่อมแซมและฟื้นฟูที่แตกต่างกัน ระยะเวลาในการคงอยู่ของผลลัพธ์จึงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ฉีด Sculptra ต้องใช้กี่ซีซี?
ปริมาณ Sculptra ที่ต้องใช้ในการฉีดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการเช่น
ปัญหาผิว: ผู้ที่มีปัญหาผิวมาก เช่น ริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อยอาจต้องใช้ Sculptra มากกว่าผู้ที่มีปัญหาผิวเพียงเล็กน้อย
บริเวณที่ฉีด: บริเวณที่ผิวหนังบาง เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม อาจต้องใช้ Sculptra มากกว่าบริเวณที่มีผิวหนา
ความต้องการของผลลัพธ์: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนอาจต้องใช้ Sculptra มากกว่าผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย
โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะพิจารณาปริมาณ Sculptra ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลดังนี้:
ครั้งแรก: Sculptra 1 ขวด (10 ซีซี) จะเท่ากับช่วงอายุ 10 ปี ตัวอย่างเช่น หากคนไข้อายุ 30 ปีจะต้องใช้ทั้งหมด 3 ขวด (30 ซีซี) โดยจะแบ่งฉีดเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ขวด (10 ซีซี)
หลังจากนั้น: ฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์
ตัวอย่างปริมาณ Sculptra ที่ใช้โดยประมาณสำหรับบริเวณต่างๆ เช่น ใต้ตา 1-2 ขวด, ร่องแก้ม 2-3 ขวด, ขมับ 1-2 ขวด, คาง 1-2 ขวด, โหนกแก้ม 2-3 ขวด อย่างไรก็ตามปริมาณ Sculptra ที่ใช้จริงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
บทสรุป
Sculptra อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณ ด้วยผลลัพธ์ที่ยาวนาน ปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติ จึงเป็นวิธีที่หลายคนให้ความสนใจแม้ราคาค่อนข้างสูงแต่ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่าแน่นอน อย่างไรก็ตามหากใครกำลังพิจารณาจะทำ Sculptra ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของการรักษา มาเติมเต็มความอวบอิ่ม เผยผิวหน้าเรียบเนียน กระจ่างใส ไร้จุดด่างดำ ริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ ด้วย Sculptra กันเลย