ปัญหาหลุมสิวเป็นความกังวลของคนจำนวนมาก เพราะแม้สิวจะหายแล้ว แต่ร่องรอยที่ทิ้งไว้กลับส่งผลต่อความมั่นใจ หลุมสิวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และมีความรุนแรงแตกต่างกันไป บางคนมีหลุมสิวตื้น ๆ แต่บางคนกลับมีหลุมลึกที่ยากต่อการรักษา วันนี้เราจึงชวนมาทำความรู้จักกับหลุมสิวให้มากขึ้น พร้อมดูวิธีการรักษาที่ได้ผลจริงกัน
สาเหตุของการเกิดเป็นหลุมสิว
หลุมสิวเกิดจากการอักเสบของสิวที่ทำลายเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนัง เมื่อสิวหายแล้วร่างกายจะพยายามซ่อมแซมบาดแผลด้วยการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ แต่บางครั้งการซ่อมแซมนี้อาจไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดเป็นหลุมหรือแอ่งบนผิวหนัง ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดหลุมสิวรุนแรง ทั้งการแกะหรือบีบสิวทำให้การอักเสบรุนแรงขึ้น พันธุกรรมที่ส่งผลต่อการสร้างและซ่อมแซมคอลลาเจน อายุที่มากขึ้นทำให้การฟื้นฟูผิวช้าลง และการได้รับแสงแดดมากเกินไปทำให้เกิดการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง
ประเภทของหลุมสิว
หลุมสิวมีหลายประเภทแต่ละประเภทมีลักษณะและความรุนแรงแตกต่างกัน โดยหลุมสิวแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามลักษณะที่ปรากฏบนผิวหนัง
หลุมสิวประเภท Rolling Scar
Rolling Scar เป็นหลุมสิวที่มีลักษณะเป็นแอ่งกว้างและตื้น คล้ายคลื่นบนผิวหนัง เกิดจากการที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังถูกทำลายและเกิดพังผืดยึดติดกับชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูเป็นคลื่นไม่เรียบ หลุมประเภทนี้มักพบในบริเวณที่มีผิวหนังหนาและยืดหยุ่น เช่น แก้มและคาง ลักษณะพิเศษคือเมื่อดึงผิวหนังให้ตึง รอยหลุมจะดูตื้นขึ้นหรือหายไป ซึ่งเป็นข้อดีในแง่ของการรักษา เพราะสามารถตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
หลุมสิวประเภท Ice Pick Scar
Ice Pick Scar มีลักษณะเป็นรูลึกแคบ ๆ คล้ายรอยเล็บจิก เป็นหลุมสิวที่ลึกที่สุดและยากต่อการรักษา เกิดจากการอักเสบของสิวที่ลุกลามลึกลงไปถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เมื่อสิวหาย เนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะทิ้งร่องรอยเป็นหลุมลึกแคบ มักพบในบริเวณที่ผิวบาง เช่น จมูกการรักษาต้องใช้วิธีเฉพาะและอาจต้องรักษาหลายครั้งจึงจะเห็นผล
หลุมสิวประเภท Box Scar
Box Scar มีลักษณะเป็นหลุมเหลี่ยมที่มีขอบชัดเจน คล้ายรอยแผลเป็นจากไข้ทรพิษ หลุมประเภทนี้มีความลึกปานกลาง และมักมีขอบที่ชัดเจนเป็นเหลี่ยม เกิดจากการที่เนื้อเยื่อคอลลาเจนถูกทำลายในแนวดิ่ง ทำให้เกิดเป็นหลุมที่มีขอบตรง พบได้บ่อยบริเวณแก้มและขมับ การรักษาต้องเน้นที่การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และการปรับสภาพผิวโดยรอบ
วิธีรักษาหลุมสิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน
การรักษาหลุมสิวมีหลากหลายวิธี แต่ละวิธีเหมาะกับหลุมสิวแต่ละประเภทและความรุนแรงที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มาดูวิธีการรักษาที่นิยมและได้ผลจริง
กินยาและวิตามิน
การรักษาหลุมสิวจากภายในร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ การรับประทานวิตามินและอาหารเสริมที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจนจะช่วยเสริมการรักษาภายนอกได้ โดยวิตามินที่รักษาหลุมสิวได้ ทั้งวิตามินซีที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอีที่ช่วยในการซ่อมแซมผิว และสังกะสีที่ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ นอกจากนี้ การดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูผิว
เลเซอร์หลุมสิว
การรักษาด้วยเลเซอร์เป็นวิธีที่ได้ผลดีในการรักษาหลุมสิว โดยเลเซอร์จะทำงานด้วยการสร้างความร้อนในชั้นผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และช่วยปรับพื้นผิวให้เรียบเนียนขึ้น เลเซอร์มีหลายชนิด เช่น Microneedle RF r ที่เหมาะกับหลุมลึก หรือ Picosecond ที่เหมาะกับหลุมตื้น การรักษาอาจต้องทำหลายครั้งและมีระยะพักฟื้น แต่ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างถาวร
ยาทาแก้หลุมสิว
ยาทาเฉพาะที่สามารถช่วยปรับสภาพผิวและลดความลึกของหลุมสิวได้ โดยยาทาที่นิยมใช้ได้แก่ วิตามินซีเข้มข้น ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กรดไฮยาลูโรนิก ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิว และ Alpha Hydroxy Acids (AHAs) ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่
ใช้เรตินอล
เรตินอลเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาหลุมสิว โดยทำงานในหลายระดับ ทั้งการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การเร่งการผลัดเซลล์ผิว และการปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรง การใช้เรตินอลต้องเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อนและค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้ผิวปรับตัว และควรใช้ร่วมกับครีมกันแดดเสมอ เพราะเรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วในการรักษาหลุมสิว โดยเฉพาะหลุมประเภท Rolling Scar และ Box Scar ฟิลเลอร์ที่ใช้มักเป็นกรดไฮยาลูโรนิกที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งจะถูกฉีดเข้าไปใต้หลุมสิวเพื่อยกระดับผิวให้เรียบเนียนขึ้น ข้อดีคือเห็นผลทันที แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน และควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
สรุปบทความ
หลุมสิวเป็นปัญหาที่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของหลุมสิว โดยการรักษาอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกันและต้องมีความอดทน เพราะผลลัพธ์ที่ดีต้องใช้เวลาในการรักษา ที่สำคัญการเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีเทคนิคเฉพาะตัวในด้านการปรับรูปหน้า ด้านการดูแลผิว และการด้านการดูแลรูปร่างของ Wichanya Clinic ได้เลย